ถ้าหากนักศึกษาคนใดๆอยากได้รับใบประกาศเณียบัตรจากสหรัฐฯ เขาต้องส่งคำตอบมาถึงเราและถ้าผ่านเราก็จะส่งใบประกาศเณียบัตรไปให้เขา ขอส่งคำตอบมายังที่: biblestudythailand@gmail.com หรือ Facebook: www.facebook.com/ThaiBibleStudy หรือ Line ID: 0871937157

ชื่อคอร์ส: รากฐานอย่างมั่นคง

บทที่ 31 – ความเชื่อคืออะไร?
มาระโก 1:15 และกิจการ 16:31



ข่าวประเสริฐคือข่าวดีที่ว่า พระเยซูคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพราะความบาปของเรา พระองค์ทรงถูกฝังไว้และในวันที่สามพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย

อย่างไรก็ตาม แค่เพราะสิ่งที่พระเยซูได้ทรงกระทำเพื่อเรานั้น มันก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะได้ไปสวรรค์โดยอัตโนมัติ

ของขวัญจากพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์โดยทางพระเยซูคริสต์ เช่นเดียวกับของขวัญใดๆก็ตาม มันไม่ได้เป็นของเราจนกว่าเราจะรับมันมา ดังนั้นพระเจ้าจึงทรงคาดหวังการตอบสนองจากเรา การตอบสนองนั้นคืออะไร?

มาระโก 1:15 – “และตรัสว่า ‘เวลากำหนดมาถึงแล้ว และอาณาจักรของพระเจ้าก็มาใกล้แล้ว ท่านทั้งหลายจงกลับใจเสียใหม่ และเชื่อข่าวประเสริฐเถิด’ ”

ในบทเรียนที่แล้ว เราได้เรียนรู้เรื่องการตอบสนองที่เป็นการกลับใจใหม่ ในบทเรียนนี้เราจะศึกษาเรื่องการตอบสนองที่เป็นความเชื่อ

กิจการ 16:31 – “เปาโลกับสิลาสจึงกล่าวว่า ‘จงเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์เจ้า และท่านจะรอดได้ทั้งครอบครัวของท่านด้วย’ ”

ตามพระคำข้อนี้ มนุษย์ต้องทำอย่างไรเพื่อที่จะได้รับความรอด? เขาต้อง “เชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์” เพื่อที่จะได้รับความรอด คุณต้องตอบสนองต่อข่าวประเสริฐด้วยความเชื่อในพระเยซูคริสต์

เนื่องจากเราได้รับความรอดโดยความเชื่อ เราจึงต้องเข้าใจว่าความเชื่อหมายถึงอะไร ความเชื่อไม่ได้หมายถึงการรู้ข้อเท็จจริงในหัวของคุณ เราเรียกสิ่งนี้ว่า ความรู้ที่สมองซึ่งเป็นความศรัทธาทางปัญญา

คุณอาจจะเชื่อว่ามีพระเจ้าองค์หนึ่ง และเชื่อว่าพระเยซูได้สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนและเป็นขึ้นมาอีกครั้ง แต่สิ่งเหล่านี้เป็นข้อเท็จจริงที่คุณเชื่อในหัวของคุณ นี่ไม่ใช่ความเชื่อแท้ที่จะช่วยคุณให้รอดจากบึงไฟนรก

คุณอาจรู้เกี่ยวกับพระเจ้า แต่คุณก็ยังไม่รู้จักพระเจ้า

ความเชื่อตามที่พระคัมภีร์กล่าวไว้ คือ การเชื่อวางใจในสิ่งที่พระเยซูได้ทรงกระทำเพื่อคุณแล้ว สิ่งนี้เรียกว่า ความรู้ในใจ นั่นคือความเชื่อที่แท้จริง ซึ่งจะช่วยคุณให้รอดจากบึงไฟนรก

มีความแตกต่างระหว่างการเชื่อในหัวของคุณ (ความรู้ที่สมอง) และการเชื่อในใจของคุณ (ความเชื่อวางใจ) แบบหนึ่งจะพาคุณไปสวรรค์ ส่วนอีกแบบจะพาคุณไปนรก

เราสามารถอธิบายความแตกต่างนี้ได้ดังนี้: ชายคนหนึ่งตรวจดูเก้าอี้ตัวหนึ่งและเชื่อ (ในหัวของเขา) ว่ามันสามารถรองรับน้ำหนักของเขาได้ นั่นเป็นเพียงความรู้ที่สมองเท่านั่นซึ่งเป็นความศรัทธาทางปัญญา มันไม่ใช่ความเชื่อที่แท้จริง

ความเชื่อที่แท้จริงคือความเชื่อในใจของคุณ ความเชื่อในหัวของชายคนนี้กลายมาเป็นความเชื่อในใจทันทีที่เขาวางใจว่าเก้าอี้ตัวนี้รับน้ำหนักของเขาได้เมื่อเขานั่งและทิ้งตัวลงไปบนเก้าอี้ตัวนั้น

อีกตัวอย่างหนึ่งที่อธิบายความแตกต่างระหว่าง “การเชื่อในหัวของคุณ” และ “การเชื่อในใจของคุณ” คือเรื่องของชาร์ลส์ บลอนดิน (Charles Blondin)

ชาร์ลส์ บลอนดิน คือนักกายกรรมผาดโผนระดับโลก ซึ่งเป็นผู้ที่เดินบนลวดขึงข้ามน้ำตกไนแองการา(Niagara Falls) ในปี ค.ศ. 1859 น้ำตกไนแองการาคือ น้ำตกขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลางระหว่างสหรัฐอเมริกากับแคนาดา

เขาแสดงกลเยอะแยะขณะข้ามลวดขึงนี้ และผู้คนมากมายก็ประหลาดใจกับทักษะของเขา

ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้ๆแสดงความประหลาดใจต่อบลอนดิน บลอนดินจึงถามชายคนนั้นว่า “คุณเชื่อไหมว่าผมสามารถแบกคนๆหนึ่งข้ามน้ำตกบนลวดขึงไปได้?”

ชายคนนั้นมั่นใจว่าเขาทำได้และอยากจะเห็นเขาทำ ชาร์ลส์ บลอนดินจึงถามชายคนนั้นว่า “คุณจะยอมให้ผมแบกคุณข้ามไปไหม?” ชายคนนั้นไม่เต็มใจที่จะไว้ใจบลอนดินและได้ปฏิเสธเขา

ชายคนนั้น “เชื่อในหัวของเขา” ว่าชาร์ลส์ บลอนดิน สามารถแบกคนเดินบนลวดขึงข้ามน้ำตกไปได้ เขามีแต่ความศรัทธาทางปัญญาเท่านั้น

แต่เขาไม่มีความเชื่อที่แท้จริง หรือ “เชื่อในใจของเขา” เขาไม่ได้เชื่อวางใจว่าชาร์ลส์สามารถทำได้

ความเชื่อก็คงเป็นการวางใจบลอนดินและขึ้นไปขี่หลังของเขา การแสดงผาดโผนครั้งสุดท้ายของบลอนดินที่น้ำตกไนแองการาคือการแบกผู้จัดการของเขาเองข้ามลวดขึงนั้น ผู้จัดการของเขามีความเชื่อแท้

กิจการ 16:31 กล่าวว่า “จงเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์เจ้า และท่านจะรอด”

จากพระคำข้อนี้คุณจะรอดจากบึงไฟนรกได้อย่างไร? คุณรอดได้โดยการเชื่อในพระเยซูคริสต์

เช่นเดียวกับที่ผู้จัดการของบลอนดินมีความเชื่อแท้ (ความรู้ในใจ) โดยการขึ้นไปขี่หลังของเขา คุณก็ต้องมีความเชื่อแท้ในองค์พระเยซูคริสต์และวางใจพระองค์ด้วยสิ้นสุดใจของคุณเช่นกัน

กรุณาส่งข้อความถึงผม หากคุณอยากเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการเข้าสู่ความสัมพันธ์ที่ถูกต้องกับพระเจ้า

**********

โปรดพิมพ์คำตอบและส่งให้เราทางอีเมล, Facebook Messenger, LINE หรือ WhatsApp ถ้าผ่านเราจะส่งบทเรียนต่อไปให้คุณ ถ้าหากคุณมีคำถามใด ๆ โปรดติดต่อเรา

คำถามบทเรียนที่ 31

1. ตามที่มาระโก 1:15 ว่าไว้ การตอบสนองของมนุษย์ต่อข่าวประเสริฐอันดับแรกคือ การกลับใจใหม่จากนั้นคือ _________________

2. ตามที่กิจการ 16:31ว่าไว้ คนๆหนึ่งต้องทำอะไรถึงจะได้รับความรอด? ________________________

3. ตามที่พระคัมภีร์ว่าไว้ การเชื่อในพระเยซูหรือความเชื่อในพระเยซูหมายถึง การรู้เกี่ยวกับพระเยซู หรือความรู้ในหัวเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ มันเป็นเพียงความเชื่อในระดับสติปัญญาเท่านั้น

ก. จริง
ข. เท็จ

4. ตามที่พระคัมภีร์ว่าไว้ การเชื่อในพระเยซูหรือความเชื่อในพระเยซูหมายถึง การวางใจในพระเยซูจากใจของคุณ

ก. จริง
ข. เท็จ

5. ตามที่พระคัมภีร์ว่าไว้ คุณสามารถรู้เกี่ยวกับพระเจ้าและยังไม่รู้จักพระเจ้าได้

ก. จริง
ข. เท็จ

6. ตามที่พระคัมภีร์ว่าไว้ มีความแตกต่างระหว่างการเชื่อเกี่ยวกับพระเยซู ซึ่งเป็นความเชื่อระดับสติปัญญาเท่านั้น กับการเชื่อในพระเยซูในใจของคุณ

ก. จริง
ข. เท็จ

7. ตามที่เรื่องราวในบทเรียนนี้ว่าไว้ ชายคนนั้นที่ยืนอยู่ข้างๆชาร์ลส์ บลอนดินเชื่อว่าฝ่ายหลังสามารถแบกคนข้ามน้ำตกได้ อย่างไรก็ตาม ความเชื่อของชายคนนี้ก็เป็นเพียงความเชื่อในแง่สติปัญญาเท่านั้น เขาได้เห็นบลอนดินแสดงกายกรรมหลายแบบแล้วและเชื่อในหัวของเขา ซึ่งเป็นความรู้ที่สมองว่าชาร์ลส์ทำได้

ก. จริง
ข. เท็จ

8. อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ไว้วางใจบลอนดินในใจของตนว่าฝ่ายหลังสามารถแบกเขาข้ามน้ำตกนั้นได้ เขาไม่เชื่อในใจของเขาว่าบลอนดินทำได้จริง

ก. จริง
ข. เท็จ

9. ตามที่เรื่องราวในบทเรียนนี้ว่าไว้ ผู้จัดการของบลอนดินมีความเชื่อที่แท้จริงเมื่อเขาขึ้นขี่หลังบลอนดิน

ก. จริง
ข. เท็จ

10. ตามที่พระคัมภีร์ว่าไว้ เหมือนกับที่ผู้จัดการของบลอนดินมีความเชื่อที่แท้จริง ดังนั้นเพื่อที่คุณจะได้รับความรอดและไปสวรรค์ คุณก็ต้องมีความเชื่อที่แท้จริงและวางใจในพระเยซูคริสต์ด้วยสิ้นสุดใจของคุณเช่นกัน

ก. จริง
ข. เท็จ

Email: jntlange@gmail.com
Facebook: www.facebook.com/ThaiBibleStudy
Line ID: 0871937157
WhatsApp: +66-87-193-7157