ถ้าหากนักศึกษาคนใดๆอยากได้รับใบประกาศเณียบัตรจากสหรัฐฯ เขาต้องส่งคำตอบมาถึงเราและถ้าผ่านเราก็จะส่งใบประกาศเณียบัตรไปให้เขา ขอส่งคำตอบมายังที่: biblestudythailand@gmail.com หรือ Facebook: www.facebook.com/ThaiBibleStudy หรือ Line ID: natwill78

เรียนพระคัมภีร์จากยุคสร้างโลกถึงชีวิตพระเยซูคริสต์

บทที่ 8 – พระเจ้าทรงทำลายเมือง
โสโดมและเมืองโกโมราห์


เราจะได้เรียนรู้ประเด็นสำคัญ ๆบางประเด็น ในบท
เรียนนี้ ยกตัวอย่างเช่น พระเจ้าทรงห่วงใยหรือไม่หากมนุษย์เลือกที่จะดำเนินชีวิตอย่างไร้ศีลธรรม?  พฤติกรรมของพวกรักร่วมเพศเป็นความบาปจริงหรือเปล่า?   พระคัมภีร์ได้ให้คำตอบสำหรับเรื่องเหล่านี้ไว้อย่างชัดเจนทีเดียว  

อับราฮัมเป็นคนร่ำรวยและมีคนรับใช้ วัวควาย แกะและแพะจำนวนมาก  เขาได้นำเอาทุกสิ่งที่เขาครอบครองอยู่ไปยังแผ่นดินคานาอันกับเขาด้วย  คงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะสามารถเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางในสักษณะดังกล่าวได้   การตัดสินใจของอับราฮัมที่จะกระทำตามพระเจ้านั้นไม่ได้เกิดจากความปรารถนาที่อยากจะผจญภัย แต่เป็นเพราะเขาเชื่อพระเจ้า  อับราฮัมเชื่อฟังพระเจ้าแม้ว่าเขาจะต้องพบกับความไม่สะดวกสบายและแรงกดดันทางสังคมซึ่งมีอยู่รอบด้านก็ตาม  อับราฮัมไว้วางใจที่จะมอบครอบครัวทั้งหมดของเขา ทรัพย์สมบัติทุกอย่าง และชื่อเสียงไว้ภายใต้การดูแลของพระเจ้า   ส่วนโลทซึ่งเป็นหลานชายของอับราฮัมนั้นก็ได้เดินทางไปกับพวกเขาด้วย  

ปฐมกาล 13:5-7  โลทซึ่งไปกับอับราม มีฝูงแพะแกะ ฝูงวัวและเต็นท์เช่นกัน  แผ่นดินไม่กว้างขวางพอที่พวกเขาจะอาศัยอยู่ด้วยกันได้เพราะทรัพย์สิ่งของของพวกเขามีอยู่มาก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ เกิดมีการวิวาทกันระหว่างคนเลี้ยงสัตว์ของอับรามกับคนเลี้ยงสัตว์ของโลท ขณะนั้นคนคานาอันและคนเปรีสซียังอาศัยอยู่ที่แผ่นดินนั่น  

โลทเองก็มั่งมีเหมือนอย่างอับราฮัมซึ่งเป็นลุงของเขา  คนทั้งสองครอบครองฝูงแกะและวัวควายเป็นอันมาก   ในไม่ช้าก็มีปัญหาเกิดขึ้นระหว่างคนเลี้ยงแกะแพะและวัวควายของทั้งสองฝ่าย 

ปฐมกาล 13:8-11  อับรามจึงพูดกับโลทว่า “กรุณาอย่าให้มีการวิวาทกันเลยระหว่างเรากับเจ้า และระหว่างคนเลี้ยงสัตว์ของเรากับคนเลี้ยงสัตว์ของเจ้าเพราะเราทั้งสองเป็นญาติกัน แผ่นดินทั้งหมดอยู่ตรงหน้าเจ้ามิใช่หรือ จงกรุณาแยกไปจากเราเถิด ถ้าเจ้าไปทางซ้ายมือเราจะไปทางขวามือ หรือถ้าเจ้าไปทางขวามือ เราจะไปทางซ้ายมือ”  โลทเงยหน้าขึ้นแลดูและเห็นว่าบรรดาที่ราบลุ่มของแม่น้ำจอร์แดนมีน้ำบริบูรณ์อยู่ทุกแห่งเหมือนพระอุทยานของพระเยโฮวาห์ เหมือนกับแผ่นดินอียิปต์ไปทางเมืองโศอาร์   ก่อนที่พระเยโฮวาห์ทรงทำลายเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์ ดังนั้นโลทจึงเลือกบรรดาที่ราบลุ่มของแม่น้ำจอร์แดน โลทเดินทางไปทิศตะวันออก  และเขาทั้งสองจึงแยกจากกันไป 

โลทก็มองไปรอบ ๆและตัดสินใจเลือกทางเลือกของตนเอง  เขาได้เลือกที่ราบที่มีหญ้าเขียวขจี  ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับฝูงสัตว์ของเขา  โลทไม่คิดถึงสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวของตนเอง และไม่ได้คำนึงว่าการกระทำเช่นนี้จะมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของเขากับ

พระเจ้าอย่างไร  โลทคิดแต่เพียงเรื่องที่จะหาเงินให้ได้มากขึ้นเท่านั้น  มีสิ่งเลวร้ายหลายสิ่งเกิดขึ้นกับโลทเพราะเหตุจากการเลือกของเขา 

เราจำเป็นต้องระมัดระวังเกี่ยวกับทางเลือกของเรา  ที่เราได้ตัดสินใจเลือกลงไปนั้น  ในสังคมของเรา เรามักถูกกดดันอยู่เสมอที่จะให้เราตัดสินใจเลือกทางเลือกอย่าง เช่น เราจะสามารถหาเงินเพิ่มขึ้นได้อย่างไร?  เราจะซื้ออะไรดี?  เราจะอาศัยอยู่ที่ไหน?  เราจะทำอะไรในวันพรุ่งนี้?  ในขณะที่ประเด็นที่เป็นแก่นแท้ของชีวิตนั้นไม่ค่อยจะมีใครคำนึงถึงกันเลย .... แล้วเรื่องความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้าล่ะ?  ลูกหลานของเราจะรู้เรื่องพระเจ้าอย่างไรบ้าง?  พระเจ้าทรงบันทึกไว้ในพระวจนะของพระองค์เกี่ยวกับเราไว้อย่างไรบ้าง?  แล้วเรื่องโทษทัณฑ์แห่งความตายซึ่งเป็นผลมาจากการไม่เชื่อฟังของเราที่มีต่อพระเจ้าล่ะ?

ปฐมกาล 13:12, 13 อับรามอาศัยอยู่ในแผ่นดินคานาอัน โลทอาศัยอยู่ในเมืองต่างๆที่ราบลุ่มและตั้งเต็นท์ใกล้เมืองโสโดม แต่ชาวเมืองโสโดมเป็นคนชั่วช้าและเป็นคนบาปต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์เป็นอันมาก    

อับรามยังคงอาศัยอยู่บนภูเขาและเนินเขา  ที่เป็นโขดหินและมีความอุดมสมบูรณ์น้อยกว่า  ส่วนโลทนั้นได้ย้ายลงไปอาศัยอยู่ตรงที่ราบซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์   ในสายตาของคนจำนวนมากก็ดูเหมือนว่าอับราฮัมเป็น“ผู้สูญเสีย”ในการแบ่งเขตแดนนี้ แต่ในไม่ช้า“ผู้สูญเสีย”จะกลับกลายเป็นโลทนั่นเอง  

เมืองสองเมืองคือ เมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์ตั้งอยู่บนที่ราบ  ทั้งสองเมืองเป็นเมืองที่ชั่วช้าเลวทรามมาก  ชาวเมืองซึ่งอาศัยอยู่ที่นั่นไม่อยากจะรู้จักพระเจ้า  คนเหล่านี้คิดถึงแต่ตัวเองและสิ่งชั่วร้ายที่พวกเขากระทำเท่านั้น  โลทได้เลือกสิ่งที่ดูเหมือนว่าจะดีที่สุดสำหรับตัวเอง  แต่การกระทำเช่นนั้นก็ทำให้เขาก้าวห่างออกจากพระเจ้าและมุ่งหน้าไปสู่สถานที่ซึ่งอันตรายเพราะมีแต่ความชั่วร้ายอย่างยิ่ง

พระเจ้าทรงสถิตย์อยู่ทุกหนทุกแห่งตลอดเวลาและพระองค์ทรงทราบทุกสิ่งสารพัด   พระเจ้าทรงทราบถึงความชั่วช้าเลวทรามของชาวเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์ แม้ว่าชาวเมืองเหล่านั้นจะไม่สนใจพระเจ้าก็ตาม   มนุษย์อาจจะเลือกที่จะปฏิเสธพระเจ้าและประพฤติตามซาตาน  อย่างไรก็ตามพระเจ้าจะทรงพิพากษาและลงโทษพวกเขาเมื่อพระองค์ทรงตัดสินแล้วว่าพระองค์ได้ทรงประทานเวลาอย่างเพียงพอให้แก่พวกเขา   เพื่อจะเปลี่ยนใจเกี่ยวกับการไม่เชื่อฟังของเขาแล้ว

พระเจ้าได้ทรงตัดสินพระทัยแล้วว่าพระองค์จะไม่อดกลั้นกับการไม่เชื่อฟังของพวกเขาอีกต่อไป  พระองค์ทรงอดทนกับชาวเมืองโสโดมและเมือง        โกโมราห์เป็นเวลานานและทรงปรารถนาที่จะให้พวกเขากลับใจเสียใหม่  คุณจำได้ไหมว่าในสมัยของโนอาห์พระเจ้าทรงรอคอยให้มนุษย์กลับใจเสียใหม่อย่างอดทนเป็นเวลานานเท่าใด?  คำตอบก็คือ 120 ปี  เมื่อพระเจ้าทรงตัดสินพระทัยแล้วว่าพระองค์ได้ให้เวลาอย่างเพียงพอแล้วล่ะก็  คนเหล่านั้นซึ่งปฏิเสธที่จะกลับใจเสียใหม่จะรอดพ้นจากการพิพากษาของพระองค์ไม่ได้เลย  พระเจ้าไม่ได้ลงโทษต่อการไม่เชื่อฟังในทันที และบางครั้งก็ดูเหมือนว่าพระเจ้าทรงมองข้ามการไม่เชื่อฟังนั้น   อย่างไรก็ตามในที่สุดพระองค์จะทรงลงโทษต่อการไม่เชื่อฟังทั้งสิ้น และไม่มีใครสามารถจะหลบหนีจากการพิพากษาของพระเจ้าได้

ปฐมกาล 19:1-3  ทูตสวรรค์สององค์มาถึงเมืองโสโดมในเวลาเย็น  โลทได้นั่งอยู่ที่ประตูเมืองโสโดม เมื่อโลทเห็นแล้วก็ลุกขึ้นไปพบทูตเหล่านั้นและได้ก้มหน้าของเขาลงถึงดิน แล้วเขากล่าวว่า “ดูเถิด เจ้านายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอวิงวอนท่านโปรดกรุณาแวะไปบ้านผู้รับใช้ของท่าน ค้างแรมคืนนี้ ล้างเท้าของท่าน แล้วท่านจะได้ตื่นแต่เช้าเดินทางต่อไป”  ทูตเหล่านั้นกล่าวว่า “อย่าเลย แต่พวกเราจะค้างแรมที่ถนนในคืนนี้”  เขาได้รบเร้าทูตเหล่านั้นอย่างมาก ทูตเหล่านั้นจึงแวะเข้าไปในบ้านของเขา และเขาจึงจัดการเลี้ยงทูตเหล่านั้น ทำขนมปังไร้เชื้อและทูตเหล่านั้นจึงรับประทาน 

โลทอาศัยอยู่ในเมืองโสโดมกับชาวเมืองที่ชั่วช้าเลวทรามเหล่านี้  พระเจ้าจึงส่งทูตสวรรค์สององค์ไปยังเมือง

โสโดมเพื่อจะเตือนโลทและครอบครัวของเขาให้ทราบถึง

สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

ปฐมกาล 19:4-7  แต่ก่อนที่ทูตเหล่านั้นเข้านอน พวกผู้ชายเมืองนั้น คือ พวกผู้ชายชาวเมืองโสโดม ทั้งแก่และหนุ่ม ทุกคนจากทุกสารทิศมาล้อมเรือนนั้นไว้  พวกเขาเรียกโลทและพูดกับเขาว่า “ผู้ชายเหล่านั้นซึ่งมาหาท่านคืนนี้อยู่ที่ไหน จงนำเขาเหล่านั้นออกมาให้พวกเราเพื่อพวกเราจะได้สมสู่กับเขา”  โลทก็ออกทางประตูไปหาพวกนั้นและปิดประตูหลังจากที่เขาออกไปแล้ว  และกล่าวว่า “พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอวิงวอนท่าน อย่ากระทำชั่วช้าเช่นนี้เลย ....”  

จากข้อความนี่ แสดงว่าผู้ชายในเมืองนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ชายที่รักเพศเดียวกัน ซึ่งเป็นสิ่งน่าละอายมาก แผนการของพระเจ้าเกี่ยวกับเรื่องเพศมีเพียงอย่างเดียว  คือ ให้ไว้เพื่อเป็นความผูกพันพิเศษระหว่างสามีกับภรรยาเท่านั้น แต่กิเลสตัณหาทางเพศที่เบี่ยงเบน ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ และควบคุมไม่ได้นี้  ซึ่งได้กัดกร่อนเมืองโสโดมก็ยังคงลุกลามอยู่ในปัจจุบัน   สังคมของเราทั้งหมดกำลังถูกคุกคามด้วยโรคร้ายที่น่ากลัวเนื่องจากผู้ชายและผู้หญิงได้ปฏิเสธแผนการของพระเจ้าสำหรับชีวิตของเขา  

 ปฐมกาล 19:17  ต่อมาเมื่อทูตเหล่านั้นนำพวกเขาออกมาภายนอกแล้ว ทูตพูดว่า “จงหนีเอาชีวิตรอด  อย่าได้เหลียวหลังมาดูหรือพักอยู่ที่ราบลุ่มทั้งหลาย  จงหนีไปที่ภูเขาเกรงว่าเจ้าจะถูกทำลาย” 

     พระเจ้ามาช่วยชีวิตโลท ภรรยาและบุตรสาวทั้งหลาย  ไม่ใช่เพราะพวกเขาเป็นคนดี  แม้ว่า   โลทไม่ได้ดำเนินชีวิตอย่างชั่วช้าเลวทรามเหมือนอย่างชาวเมืองโสโดม  แต่เขาก็เกิดมาโดยถูกแยกจากพระเจ้าเหมือนคนอื่นๆ นั่นเอง  โลทเชื่อพระเจ้า เขาเชื่อในพระสัญญาทั้งหลายที่พระเจ้าทรงกระทำต่ออาดัมและต่ออับราฮัมลุงของเขา  เกี่ยวกับ“พระผู้ช่วยให้รอด”ที่จะเสด็จมานั้น  พระเจ้า ได้ส่งพวกทูตสวรรค์มาเพื่อจะนำโลทออกจากเมืองที่ชั่วช้าเลวทรามก่อนที่เมืองนั้นจะถูกทำลาย   พระเจ้าทรงช่วยผู้ที่เชื่อพระองค์ให้รอดพ้นจากการพิพากษา  โนอาห์เชื่อพระเจ้าดังนั้นพระองค์จึงทรงช่วยเขาให้รอดพ้นจากน้ำท่วมครั้งใหญ่นั้น  โลทเชื่อพระเจ้าพระองค์จึงทรงช่วยเขาออกมาก่อนที่เมืองโสโดมจะถูกทำลาย   ทันทีที่โลทออกมาจากเมืองได้อย่างปลอดภัยพระเจ้าก็ทรงทำลายเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์โดยการให้มีลูกไฟตกลงมาจากฟ้า

 ปฐมกาล 19:24-26  ดังนั้นพระเยโฮวาห์ทรงให้กำมะถันและไฟจากพระเยโฮวาห์ตกมาจากฟ้าสวรรค์ลงมาบนเมืองโสโดมแลเมืองโกโมราห์   พระองค์ทรงทำลายล้างเมืองทั้งหลายเหล่านั้น บรรดาที่ราบลุ่ม ชาวเมืองทั้งปวงและสิ่งที่งอกขึ้นมาบนแผ่นดิน แต่ภรรยาของเขาผู้ตามข้างหลังเขาเหลียวกลับไปมองดู และนางจึงกลายเป็นเสาเกลือ     

เมื่อพวกทูตสวรรค์พาโลท ภรรยาและบุตรสาวทั้งสองคนออกจากเมืองโสโดมนั้นทูตสวรรค์ได้บอกพวกเขาไม่ให้หันหลังกลับไปมองอีก แต่ให้รีบวิ่งไปยังภูเขา  ภรรยาของโลทไม่เชื่อฟัง  นางได้หันกลับไปมองข้างหลังเพราะนางยังอาลัยอาวรณ์กับการดำเนินชีวิตในเมืองโสโดม  นางไม่ต้องการที่จะจากเมืองนั้นไป  นางช่างโง่เขลาเสียจริงๆ ที่เพิกเฉยต่อการตักเตือนของพระเจ้า   และเมื่อนางหันกลับไปมองข้างหลังนั้น  พระเจ้าก็ทรงบันดาลให้นางกลายเป็นเสาเกลือไป 

ทุกวันนี้แม้ว่ามีจะมีประชากรหลายพันล้านคนอาศัยอยู่ในโลก แต่     พระเจ้าก็ยังคงรู้จักและสนพระทัยมนุษย์แต่ละคน  พระเจ้าทรงห่วงใยคุณและทรงปรารถนาที่จะให้คุณเชื่อพระองค์ พระเจ้งยังทรงเป็นพระเจ้าที่ชอบธรรมผู้จะทรงพิพากษามนุษย์ทุกคนที่ไม่เชื่อฟังพระองค์  

คำถามบทที่ 8

1. โลทได้ย้ายออกมาจากอับรามเพราะเขานึกถึงแต่ตนเองและ     ต้องการที่จะมีเงินให้มากขึ้นใช่หรือไม่

ก) ใช่

ข) ไม่ใช่

2. พระเจ้าทรงรู้ถึงความชั่วช้าทุกอย่างของเมืองโสโดมและโก    โมราห์ใช่หรือไม่

ก) ใช่

ข) ไม่ใช่

3. ทำไมพระเจ้าทรงรีรอไม่ลงโทษความผิดบาปของเมืองโส    โดมและโกโมราห์

ก) พระองค์ทรงอยากให้พวกเขากลับใจสำนึกผิด

ข) พระองค์ยทรงคิดว่าพวกเขาเป็นคนดี

ค) พระองค์ทรงอยากให้พวกเขาตัดสินเอง

4. ทำไมพระเจ้าจึงทรงส่งทูตสวรรค์ให้ไปช่วยชีวิตโลท

ก) เพราะเขาเป็นคนดี

ข) เพราะโลทเชื่อฟังพระเจ้า

ค) เพราะเขามีเงินมากมาย

5. ทำไมพระเจ้าจึงทรงทำให้ภรรยาของโลทกลายเป็นเสาเกลือ

ก) เพราะหล่อนมีกรรมเลว

ข) พระองค์ไม่ทรงรักหล่อน

ค) เพราะหล่อนไม่เชื่อฟังพระองค์