ถ้าหากนักศึกษาคนใดๆอยากได้รับใบประกาศเณียบัตรจากสหรัฐฯ เขาต้องส่งคำตอบมาถึงเราและถ้าผ่านเราก็จะส่งใบประกาศเณียบัตรไปให้เขา ขอส่งคำตอบมายังที่: biblestudythailand@gmail.com หรือ Facebook: www.facebook.com/ThaiBibleStudy หรือ Line ID: natwill78
เรียนพระคัมภีร์จากยุคสร้างโลกถึงชีวิตพระเยซูคริสต์
บทที่ 17 – พระเยซูทรงเริ่มกระทำภารกิจของพระองค์
ยอห์นได้สั่งสอนถึงถ้อยคำของพระเจ้าอย่างสัตย์ซื่อเพื่อเตรียมประชาชนให้ไว้วางใจในพระเยซูผู้ทรงเป็น
พระผู้ช่วยให้รอด มีบางคนได้เปลี่ยนแปลงความคิดเกี่ยวกับตัวเองและความบาปของเขา คนเหล่านี้รู้ว่าพวกเขาต้องการพระผู้ช่วยให้รอดเพื่อจะช่วยพวกเขาให้รอดพ้นจากการลงโทษสำหรับความบาปของตนเอง กษัตริย์เฮโรดผู้ดำเนินชีวิตที่เต็มไปด้วยความบาปไม่พอพระทัยในบางสิ่งที่ยอห์นได้กล่าวไว้พระองค์จึงจับยอห์นไปขังคุกและในที่สุดก็ฆ่าท่านเสีย
มาระโก 1:14,15 ครั้นยอห์นถูกขังไว้ในคุกแล้ว พระเยซูได้เสด็จมายังแคว้นกาลิลี ทรงประกาศข่าวประเสริฐแห่งอาณาจักรของพระเจ้า และตรัสว่า“เวลากำหนดมาถึงแล้ว และอาณาจักรของพระเจ้าก็มาใกล้แล้ว ท่านทั้งหลายจงกลับใจเสียใหม่และเชื่อข่าวประเสริฐเถิด”
ยอห์นได้กระทำภารกิจในการเตรียมหนทางสำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้าเสร็จสิ้นก่อนที่ท่านจะถูกฆ่าตาย บัดนี้ก็ถึงเวลาที่พระเยซูจะเริมทำการสั่งสอนแล้ว พระเยซูได้ทรงสั่งสอนประชาชนให้เปลี่ยนทัศนคติของตนเองและให้เห็นด้วยกับพระเจ้าว่าพวกเขาเป็นคนบาปที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้และให้เชื่อข่าวประเสริฐที่พระองค์เสด็จมาเพื่อประกาศแก่เขา คำว่า“พระกิตติคุณ”นั้นหมายถึงข่าวประเสริฐ หรือข่าวดี เมื่ออาดัมไม่เชื่อฟังพระเจ้าและประพฤติตามซาตาน ซาตานจึงกลายเป็นผู้ครอบครองโลกนี้ไปเสียแล้ว อย่างไรก็ตามพระเจ้าทรงเปี่ยมล้นด้วยความรัก พระเมตตาและพระกรุณาคุณต่อคนบาป พระองค์ได้ใช้พระเยซูให้เข้ามาในโลกเพื่อจะเอาชนะซาตานและช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นจากการควบคุมของซาตาน เราทั้งหลายทุกคนเกิดมาในโลกโดยอยู่ภายใต้การควบคุมของซาตาน พระเยซูตรัสว่าทางเดียวสำหรับผู้ใดผู้หนึ่งที่จะหนีพ้นจากการควบคุมของซาตาน ก็คือการเห็นด้วยกับพระเจ้าและเชื่อข่าวประเสริฐของพระองค์
มาระโก 1:23-25 มีชายคนหนึ่งในธรรมศาลาของเขามีผีโสโครกเข้าสิง มันได้ร้องออกมาว่า “พระเยซูชาวนาซาเร็ธ ปล่อยเราไว้ เราเกี่ยวข้องอะไรกับท่านเล่า ท่านมาเพื่อจะทำลายเราหรือ เรารู้ว่าท่านเป็นผู้ใด ท่านคือองค์บริสุทธิ์ของพระเจ้า” พระเยซูจึงตรัสห้ามมันว่า“เจ้าจงนิ่งเสีย ออกมาจากเขาซิ”
ธรรมศาลาเป็นสถานที่ที่ชาวยิวมาประชุมกันเพื่อนมัสการพระเจ้า วิญญาณชั่วหรือผีร้าย คือผีปีศาจทั้งหลายซึ่งเมื่อก่อนเคยเป็นทูตสวรรค์ที่ได้กบฎขัดขืนต่อพระเจ้าและประพฤติตามซาตาน พวกมันชอบเข้าสิงในคนและควบคุมคนๆ นั้น ซาตานและผีปีศาจทั้งหลายรู้ว่าพระเยซูทรงเป็น
พระเจ้า ซึ่งเป็นพระผู้สร้างของพวกมัน พวกมันยังรู้อีกว่า
พระเยซูทรงสมบูรณ์พร้อมและเกลียดชังความบาปทุกอย่าง ผีปีศาจตนนี้รู้ว่าไม่วันใดก็วันหนึ่งมันจะต้องถูกทิ้งลงในบึงไฟและมันรู้ว่าพระเยซูทรงมีฤทธิ์อำนาจที่จะโยนมันลงไปในเปลวไฟตั้งแต่เวลานั้นแล้ว
มาระโก 1:33,34 และคนทั้งเมืองก็แตกตื่นมาออกันอยู่ที่ประตู พระองค์จึงทรงรักษาคนเป็นโรคต่างๆ ให้หายหลายคน และได้ทรงขับผีออกเสียหลายผี แต่ผีเหล่านั้นพระองค์ทรงห้ามมิให้พูด เพราะว่ามันรู้จักพระองค์
พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้า และสรรพสิ่งทั้งปวงก็อยู่ภายใต้ฤทธิ์อำนาจของพระองค์ พระเยซูทรงมีพระทัยเมตตาต่อคนป่วยและคนถูกผีสิงเหล่านี้ พระองค์ทรงทราบว่าบรรดาสิ่งเลวร้ายทุกอย่างในโลกนี้เกิดขึ้นเนื่องจากความบาปของมนุษย์และการครอบครองของซาตาน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงห่วงใยคุณด้วย พระองค์ไม่ทรงเปลี่ยนแปลงเลย พระองค์ยังคงเหมือนเดิมในปัจจุบัน พระองค์ทรงทราบว่าเรายังอยู่ใต้อำนาจของซาตานหรือเปล่า? และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปรารถนาที่จะช่วยกู้มนุษย์ทุกคนให้รอดพ้นจากการควบคุมของซาตาน
มาระโก 1:40-42 และมีคนโรคเรื้อนคนหนึ่งมาหาพระองค์ คุกเข่าลงต่อพระองค์ และทูลวิงวอนพระองค์ว่า “เพียงแต่พระองค์จะโปรด พระองค์ก็จะทรงบันดาลให้ข้าพระองค์สะอาดได้” พระเยซูทรงสงสารเขาจึงทรงยื่นพระหัตถ์ถูกต้องคนนั้น ตรัสแก่เขาว่า “เราพอใจแล้ว เจ้าจงสะอาดเถิด” พอพระองค์ตรัสแล้ว ในทันใดนั้นโรคเรื้อนก็หาย และคนนั้นก็สะอาด
ชายผู้นี้รู้ว่าเขาไม่สามารถรักษาตนเองให้หายได้และรู้ว่าไม่มีใครสามารถจะช่วยเขาได้ แต่พระเยซูนั้นแตกต่างจากผู้อื่นอย่างสิ้นเชิง เขาตระหนักว่าพระเยซูสามารถจะช่วยเขาได้ เขาเข้ามาหาพระเยซูเพื่อทูลขอพระเมตตาและความช่วยเหลือจากพระองค์ การเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อนก็เหมือนกับความบาปในชีวิตของเรา ไม่มีทางที่เราจะสามารถกำจัดความบาปออกจากชีวิตของเราได้ มีเพียงพระเยซูคริสต์เท่านั้นที่สามารถจะช่วยเราทั้งหลายได้ ในยุคพระคัมภีร์คนโรคเรื้อนเป็นกลุ่มคนที่ไม่มีใครคบค้าสมาคมหรือแม้แต่จะเดินเข้าไปใกล้ๆ
พระเยซูทรงแตะต้องชายผู้นี้เพราะพระองค์ทรงรักเขา
พระเยซูเพียงแต่ตรัสเท่านั้นโรคเรื้อนก็หายไปทันที
ยอห์น 3:1-3 มีชายคนหนึ่งในพวกฟาริสีชื่อนิโคเดมัสเป็นขุนนางของพวกยิว ชายผู้นี้ได้มาหาพระเยซูในเวลากลางคืนและทูลพระองค์ว่า “รับไบ พวกข้าพเจ้าทราบอยู่ว่าท่านเป็นครูที่มาจากพระเจ้า เพราะไม่มีผู้ใดกระทำการอัศจรรย์ซึ่งท่านได้กระทำนั้นได้ นอกจากว่าพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับเขาด้วย” พระเยซูตรัสตอบเขาว่า“เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดใหม่ผู้นั้นจะเห็นอาณาจักรของพระเจ้าไม่ได้”
คนยิวโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกฟาริสีรู้สึกเย่อหยิ่งมากที่พวกเขาเป็นเชื้อสายของอับราฮัม พวกเขาคิดว่าตนเองอยู่ในครอบครัวของพระเจ้าเพราะพวกเขาเป็นลูกหลานของอับราฮัม พวกเขาไม่ได้ตระหนักว่ามนุษย์ทุกคนที่เกิดมาในโลกก็เกิดมาภายใต้การครอบครองของซาตาน เมื่ออาดัมและเอวาได้กระทำบาป พวกเขาก็ตายฝ่ายจิตวิญญาณและถูกแยกจาก
พระเจ้า พวกเขายังคงมีจิตใจ แต่บัดนี้ไม่สามารถจะรู้จัก
พระเจ้า และเข้าใจพระวจนะของพระองค์ได้ พวกเขาจึงตกอยู่ใต้การควบคุมของซาตาน คาอิน อาแบลและคนทั้งปวงที่เกิดมาในโลกตั้งแต่เวลานั้นเป็นต้นมาก็เกิดมาโดยไม่สามารถจะรู้จัก เข้าใจ รักและเชื่อฟังพระเจ้าได้ มนุษย์ทุกคนที่อาศัยอยู่ในทุกสถานที่ไม่ว่าจะมีเชื้อชาติ สีผิว หรือพูดภาษาใดต่างก็เกิดมาภายใต้อำนาจของซาตานทั้งสิ้น
พระเยซูทรงบอกแก่นิโคเดมัสว่าหนทางเดียวที่ผู้ใดผู้หนึ่งจะสามารถหนีพ้นจากอำนาจของซาตานและสามารถจะรู้จัก รัก และเชื่อฟังพระเจ้าได้ คือการบังเกิดใหม่นั่นเอง
พระเยซูกำลังบอกแก่นิโคเดมัสว่าเขาจะต้องรับความคิดและจิตใจใหม่ ซึ่งจะทำให้เขาสามารถรู้จักและเข้าใจพระเจ้าได้ เราทั้งหลายไม่ต้องทำอะไรเพื่อจะเกิดมาภายใต้การควบคุมของซาตาน และเราก็ไม่สามารถจะทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดเพื่อจะหนีให้พ้นจากซาตานและเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราให้เป็นที่พอพระทัยพระเจ้าได้ การกระทำความดีของเราไม่สามารถจะนำเราออกจากอาณาจักรของซาตานและเข้าไปสู่อาณาจักรของพระเจ้าได้ มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถจะนำเราเข้าสู่อาณาจักรของพระองค์ได้ พระองค์ทรงมีฤทธานุภาพสูงสุดและไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพระองค์ และโดยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ พระองค์ก็สามารถจะกระทำให้คนบังเกิดใหม่ฝ่ายจิตวิญญาณเพื่อเข้าสู่ครอบครัวของพระเจ้าได้
ยอห์น 3:4-7 นิโคเดมัสทูลพระองค์ว่า“คนชราแล้วจะบังเกิดใหม่อย่างไรได้ จะเข้าในครรภ์มารดาครั้งที่สองและบังเกิดใหม่ได้หรือ” พระเยซูตรัสตอบว่า“เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดจากน้ำและพระวิญญาณ ผู้นั้นจะเข้าในอาณาจักรของพระเจ้าไม่ได้ ซึ่งบังเกิดจากเนื้อหนังก็เป็นเนื้อหนัง และซึ่งบังเกิดจากพระวิญญาณก็คือจิตวิญญาณ อย่าประหลาดใจที่เราบอกท่านว่า ท่านต้องบังเกิดใหม่ ...”
นิโคเดมัสรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่งที่ได้ยินพระเยซูตรัสเช่นนั้น เขาคิดว่าพระเยซูคงหมายความว่ามนุษย์จะต้องบังเกิดเป็นทารกครั้งที่สอง น้ำที่พระเยซูตรัสถึงนั้นไม่ใช่การรับบัพติศมา เพราะพิธีบัพติศมาไม่สามารถจะทำให้เราเป็นบุตรของพระเจ้า หรือสามารถชำระความบาปของเราได้
พระเยซูไม่ได้ตรัสถึงการบังเกิดฝ่ายร่างกายเหมือนอย่างที่
นิโคเดมัสกำลังคิดอยู่ แต่ตรัสถึงการบังเกิดฝ่ายจิตวิญญาณที่กระทำโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์
พระเยซูกำลังอธิบายถึงการบังเกิดใหม่ ซึ่งก็คือการที่บุคคลหนึ่งสามารถรับจิตใจใหม่ สามารถจะรักและเชื่อฟัง
พระเจ้า และได้รับชีวิตใหม่ก็โดยการได้ฟัง เข้าใจและเชื่อ
พระวจนะของพระเจ้า เขาทั้งหลายจะได้รับการเปลี่ยนแปลงโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อว่าพวกเขาจะสามารถรู้จัก
พระเจ้า เข้าใจพระวจนะของพระองค์ สามารถจะรักพระองค์ แล้วเขาจะหลุดพ้นจากการควบคุมของซาตานและเข้าสู่อาณาจักรของพระเจ้าได้
ยอห์น 3:14,15 โมเสสได้ยกงูขึ้นในถิ่นทุรกันดารฉันใด บุตรมนุษย์จะต้องถูกยกขึ้นฉันนั้น เพื่อผู้ใดที่เชื่อในพระองค์จะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์
นิโคเดมัสยังคงไม่เข้าใจว่าเขาจะเกิดใหม่และอยู่ในครอบครัวของพระเจ้าได้อย่างไร พระเยซูจึงทรงอธิบายโดยเตือนเขาให้ระลึกถึงเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นกับบรรพบุรุษของพวกยิวในถิ่นทุรกันดาร ชาวอิสราเอลเหล่านั้นได้กระทำบาปต่อพระเจ้า พระองค์จึงให้งูพิษไปกัดเขาทั้งหลายและพวกเขาก็เริ่มล้มตายลง เมื่อพวกเขากลับใจเสียใหม่พระเจ้าก็สั่งโมเสสให้สร้างงูที่ทำขึ้นจากทองสัมฤทธิ์แล้วนำไปติดไว้ที่เสา
พระเจ้าทรงสัญญาว่าผู้ใดก็ตามที่ถูกงูกัดก็ให้มองไปยังงูทองสัมฤทธิ์นั้น แล้วเขาก็จะมีชีวิตรอด
นิโคเดมัสได้พยายามที่จะถือรักษาธรรมบัญญัติของพระเจ้า เขาไม่ได้ตระหนักว่าการใช้ความพยายามของตนเองนั้นไม่สามารถที่จะทำให้เขาเป็นที่ยอมรับของพระเจ้าได้โดยสิ้นเชิง เขาจำเป็นที่จะต้องกระทำสิ่งที่ชาวอิสราเอลทั้งหลายได้กระทำมาแล้ว คือเพียงแต่เชื่อและวางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น เราทั้งหลายต่างก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกับนิโคเดมัส เมื่ออาดัมได้กระทำความบาปต่อพระเจ้าเขาก็ตายไปบัดนี้เชื้อสายทุกคนของอาดัมก็ถูกแยกจากพระเจ้าแล้ว ค่าจ้างสำหรับความบาปคือความตาย ชนชาติอิสราเอลทั้งหลายไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองให้รอดจากงูเหล่านั้นเหมือนที่เราไม่สามารถช่วยตัวของเราเองให้รอดจากความตายได้ พระเจ้าได้ทรงช่วยชนชาติอิสราเอลให้รอดพ้นออกมาได้ และมีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถช่วยเราให้รอดได้เช่นกัน พระเยซูตรัสว่ามีเพียงทางเดียวเท่านั้นที่เราจะสามารถได้รับการช่วยเหลือให้รอดพ้นจากซาตาน ความบาปและความตาย และบังเกิดใหม่เข้าสู่ครอบครัวของพระเจ้าได้ พระเยซูยังตรัสอีกว่าพระองค์จะต้องถูกยกขึ้นเหมือนที่งูทองสัมฤทธิ์ได้ถูกยกขึ้นในถิ่นทุรกันดารเพื่อว่าผู้ใดที่ไว้วางใจในพระองค์จะได้บังเกิดใหม่เข้าสู่ครอบครัวของพระเจ้าและจะได้เป็นบุตรของพระเจ้า ทุกคนที่มอบความไว้วางใจไว้กับพระเยซูก็จะได้รับชีวิตนิรันดร์จากพระเจ้า
ไม่มีผู้ใดจำเป็นจะต้องคอยจนกว่าจะตายเพื่อจะรู้ว่าตัวเขาเองได้รับการยอมรับหรือได้รับการปฏิเสธจากพระเจ้า เพราะคนเหล่านั้นที่ปฎิเสธพระผู้ช่วยให้รอดก็ถูกพิพากษาลงโทษและถูกปฏิเสธจากพระเจ้า เดี๋ยวนี้เอง ส่วนผู้ที่เห็นด้วยกับพระเจ้าและไว้วางใจในพระผู้ช่วยให้รอดก็จะไม่ถูกพิพากษาลงโทษ และได้รับการยอมรับจากพระเจ้าแล้ว
คำถามบทที่ 17
1. เหตุผลสองอย่างที่ทำให้วิญญาณชั่วกลัวพระเยซูคืออะไร
(เลือกสองข้อ)
ก) พระเยซูได้มาเป็นเพื่อนกับซาตาน
ข) เพราะพระองค์มีเวทมนตร์ดำ
ค) พวกมันรู้ว่าพระองค์เป็นผู้สร้างของพวกมัน
ง) พระเยซูมีอำนาจที่จะส่งพวกมันไปยังบึงไฟนรก
2. ถ้าเราบังเกิดใหม่ในด้านจิตวิญญาณ พระเจ้าจะทรงยอมรับ
เราเข้าเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของพระองค์หรือไม่
ก) ทรงยอมรับ
ข) ไม่ทรงยอมรับ
3. สามสิ่งที่เราจะต้องทำเพื่อให้ได้บังเกิดใหม่คือข้อใด
(เลือกสามข้อ)
ก) เราต้องตระหนักว่าเราช่วยตัวเองไม่ได้
ข) สำนึกผิดในความบาปที่ได้ทำ
ค) เชื่อในพระเยซูคริสต์
ง) พยายามดำเนินชีวิตให้ดีที่สุดเพื่อที่พระเจ้าจะได้ยอมรับเรา
4. เรื่องราวเกี่ยวกับการที่โมเสสยกงูทองสัมฤทธิ์ขึ้นในถิ่น
ทุรกันดารเตือนใจเราเรื่องการเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของ พระเยซูว่าอย่างไร
ก) พระเยซูไม่สามารถช่วยใครได้
ข) ใครที่สำนึกผิดในบาปและเชื่อในพระผู้ช่วย ผู้นั้น
จะมีชีวิตนิรันดร์ในสวรรค์
ค) ไม่มีพระผู้ช่วยให้รอด เราต้องเชื่อในตัวเองเท่านั้น