ถ้าหากนักศึกษาคนใดๆอยากได้รับใบประกาศเณียบัตรจากสหรัฐฯ เขาต้องส่งคำตอบมาถึงเราและถ้าผ่านเราก็จะส่งใบประกาศเณียบัตรไปให้เขา ขอส่งคำตอบมายังที่: biblestudythailand@gmail.com หรือ Facebook: www.facebook.com/ThaiBibleStudy หรือ Line ID: natwill78
เรียนพระคัมภีร์จากยุคสร้างโลกถึงชีวิตพระเยซูคริสต์
บทที่ 1 “การเริ่มต้น”
สมมุติว่าคุณมาเยี่ยมผมที่บ้าน และสังเกตเห็นขนมปัง ก้อนหนึ่งที่พึ่งอบเสร็จใหม่ ๆ ขนมพายร้อน ๆ กับขนมเค้กก้อนใหม่วางอยู่บนโต๊ะ ทั้งบ้านมีกลิ่นตลบอบอวนไปหมด แล้วคุณก็เห็นภรรยาของผมกำลังดึงถาดคุกกี้ออกมาจากเตาอบอยู่ในครัว คุณยังเห็นถ้วยชาม ถุงแป้ง น้ำตาล เปลือกไข่ และช้อนไม้วางอยู่ระเกะระกะบนเคาน์เตอร์ข้างหลังเธอ นอกจากนี้คุณยังเห็นตำราทำขนมแปะติดอยู่กับตู้ซึ่งอยู่เหนือเคาน์เตอร์นั้น
ดูเหมือนว่าเธอทำอะไรอยู่? คำตอบก็คือ อบขนม คุณเองได้เห็นเธอกำลังอบขนมหรือเปล่า? เปล่าเลย แต่พยานหลักฐานมีอยู่เต็มไปหมด และถ้าการสรุปของคุณที่ว่าเธอกำลังอบขนมนั้นถูกต้อง มีอะไรบ้างที่น่าจะเป็นจริงเกี่ยวกับตัวเธอ ทั้ง ๆที่คุณไม่ได้เห็นเธอทำอะไรเลย
- เธอรู้วิธีอบขนม
- เธอสามารถอ่านคำสั่งจากตำราทำขนมได้
- เธอสามารถทำสิ่งต่าง ๆตามลำดับได้
- เธอเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ (คือสามารถเอาแป้ง น้ำตาล น้ำมัน ไข่ มาทำอะไรบางอย่างออกมาได้)
- เธอสามารถใช้ความระมัดระวังได้ (ขณะที่เธออบขนมนั้น เธอไม่ได้ทำให้ไฟไหม้ตัวเธอหรือไหม้ครัว)
เราควรจะคิดในลักษณะเดียวกันนี้ขณะที่เราอ่านข้อพระคัมภีร์ข้อแรกในพระวจนะของพระเจ้า
ปฐมกาล 1:1 ในเริ่มแรกนั้น
พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้า
และแผ่นดินโลก
เราเห็นพระเจ้าสร้างฟ้าและแผ่นดินโลกหรือเปล่า? เปล่าเลย เราเพียงแต่“ก้าวเข้าไป”ในพระคัมภีร์เล่มนี้ เหมือนอย่างที่คุณก้าวเข้าไปในครัวของผมและเห็นทุกอย่างวางอยู่บนโต๊ะ เราสามารถเห็นเทหวัตถุบนท้องฟ้า เช่น ดวงดาวและดาวเคราะห์ต่างๆ ในทำนองเดียวกันเราสามารถเห็นสิ่งต่าง ๆบนโลก เช่น ภูเขา มหาสมุทร ต้นไม้ สัตว์นานาชนิด และมนุษย์ โดยเหตุที่พระเจ้าทรงเป็นผู้เนรมิตสร้างสิ่งสารพัดเหล่านี้ทั้งหมด ดังนั้นสิ่งที่น่าจะเป็นจริงในเรื่องที่เกี่ยวกับพระองค์นั้น คืออะไร?
- พระเจ้าจะต้องมีความรอบรู้ทุกอย่างจึงสามารถเนรมิตสร้างโลกขึ้นมาได้ (สัพพัญญู)
- พระเจ้าจะต้องมีฤทธิ์อำนาจทุกอย่างจึงสามารถเนรมิตสร้างโลกขึ้นมาได้ (มีฤทธานุภาพสูงสุด)
- พระเจ้าทรงดำรงอยู่เป็นนิรันดร์ พระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนการเนรมิตสร้างและไม่มีจุดเริ่มต้น และเนื่องจากพระเจ้าทรงเป็น ผู้เดียวที่ดำรงอยู่ตั้งแต่เริ่มต้น ดังนั้นพระองค์จึงเป็นผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถจะเปิดเผยความจริงให้เราทราบได้ว่าเกิดอะไรขึ้นตั้งแต่จุดเริ่มต้น
- พระเจ้าไม่ต้องพึ่งพาสิ่งใด ๆหรือพึ่งพาใคร พระองค์ไม่ได้สร้างพระองค์เองขึ้นมา มนุษย์เราต้องการอากาศ อาหาร และน้ำ เพื่อจะสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ แต่
พระเจ้าไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้ พระเจ้าไม่ต้องการโลก ดวงอาทิตย์ อากาศ อาหาร หรือน้ำ เพราะว่าพระองค์
ทรงดำรงอยู่ก่อนสิ่งสารพัดเหล่านี้ - พระเจ้าทรงเป็นผู้ครอบครองสูงสุด พระองค์ทรงเป็นเจ้าของ ทุกสิ่งที่พระองค์เนรมิตสร้างขึ้น
- พระเจ้าทรงมีพระลักษณะเป็นบุคคล ถ้าเราไปเห็นภาพวาดเข้าซักภาพหนึ่งและเราอยากจะทราบต้นกำเนิดของภาพวาดนี้ เราก็คงจะถามว่า “ใครเป็นผู้วาดภาพนี้” ไม่ใช่ถามว่า “สิ่งใดวาดภาพนี้” ความคิดสร้างสรรค์ใด ๆจำเป็นต้องเกิดขึ้นจากลักษณะเฉพาะของบุคคลเท่านั้น
ปฐมกาล 1:2 แผ่นดินโลกนั้นก็ปราศจากรูปร่างและว่างเปล่าอยู่ ความมืดอยู่เหนือผิวน้ำ และพระวิญญาณของพระเจ้าปกอยู่เหนือผิวน้ำนั้น
พระคัมภีร์ข้อนี้บอกให้เราทราบว่าพระเจ้าทรงเป็น พระวิญญาณ ซึ่งหมายความว่าเราไม่สามารถจะมองเห็นพระองค์ได้ พระเจ้าไม่ได้มีเนื้อหนังและกระดูกเหมือนอย่างมนุษย์และสัตว์ทั่วไป พระองค์ไม่มีร่างกายที่เป็นวัตถุ ดังนั้นพระองค์จึงไม่มีความต้องการทางด้านร่างกาย มนุษย์มีข้อจำกัดในด้านความเข้าใจและความต้องการทางด้านร่างกาย แต่พระเจ้าไม่มีข้อจำกัดเหล่านี้เลย พระเจ้าทรงสถิตอยู่ทุกหนทุกแห่งในเวลาเดียวกัน
พระธรรมปฐมกาลบทที่ 1 อธิบายให้เราทราบว่าพระเจ้าทรงสร้างสิ่งสารพัดทุกสิ่งในจักรวาลและบนแผ่นดินโลกภายใน 6 วัน โดยพระองค์ได้ทรงสร้างความสว่างในวันแรก
ปฐมกาล 1:3 พระเจ้าตรัสว่า "จงให้มีความสว่าง" แล้วความสว่างก็เกิดขึ้น
พระเจ้าทรงสร้างความสว่างโดยการตรัสเท่านั้น การเนรมิตสร้างเริ่มต้นจากฤทธิ์อำนาจแห่งคำตรัสของพระองค์ ส่วนข้อพระคัมภีร์อื่น ๆในบทนี้บอกให้เราทราบว่าพระเจ้าทรงเนรมิตสร้างสารพัดทุกสิ่งโดยการตรัสอย่างไร ดังนั้นสิ่งที่มีพลังยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาลก็คือพระวจนะของพระเจ้านั่นเอง แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันยังไม่สามารถเข้าใจได้อย่างชัดเจนเลยว่าแสงสว่างคืออะไร อย่าว่าแต่ จะสร้างมันขึ้นมาจากความว่างเปล่าเลย!
ปฐมกาล 1:4-5 พระเจ้าทรงเห็นว่าความสว่างนั้นดี และ
พระเจ้าทรงแยกความสว่างนั้นออกจากความมืด พระเจ้าทรงเรียกความสว่างนั้นว่าวัน และพระองค์ทรงเรียกความมืดนั้นว่าคืน มีเวลาเย็นและเวลาเช้าเป็นวันที่หนึ่ง
พระคัมภีร์ข้อนี้กล่าวว่า พระเจ้าทรงสร้างความสว่างมาอย่างดี ซึ่งนั่นหมายความว่าพระเจ้าเองก็ดีและประเสริฐด้วย และย่อมเป็นเรื่องที่สอดคล้องกันอย่างสมเหตุสมผลที่จะเชื่อว่าพระเจ้าที่ประเสริฐสร้างสิ่งดี ๆขึ้นมามากกว่าที่จะเชื่อว่าพระที่เลวสร้างสิ่งที่ดี
พระเจ้าทรงสร้างอากาศและท้องฟ้าในวันที่สอง (ข้อ 6-8) ซึ่งเป็นบริเวณที่นกใช้บิน แล้วพระองค์ก็ทรงสร้างที่แห้ง มหาสมุทร และอาณาจักรพืชทุกชนิดบนแผ่นดินโลกในวันที่สาม (ข้อ 9-13) พระเจ้ากำลังจัดเตรียมแผ่นดินโลกเพื่อให้เป็นที่อาศัยของมนุษย์ มนุษย์ต้องการออกซิเจนสำหรับหายใจ ดังนั้นพระองค์จึงทรงสร้างอาณาจักรพืชเพื่อเป็นแหล่งผลิตออกซิเจน
ปฐมกาล 1:11-12 พระเจ้าตรัสว่า "จงให้แผ่นดินเกิดต้นหญ้า ต้นผักที่มีเมล็ด และต้นไม้ที่ออกผลที่มีเมล็ดในผลตามชนิดของมันบนแผ่นดิน" ก็เป็นดังนั้น แผ่นดินก็เกิดต้นหญ้า ต้นผักที่มีเมล็ดตามชนิดของมัน และต้นไม้ที่ออกผลที่มีเมล็ดในผลตามชนิดของมัน พระเจ้าทรงเห็นว่าดี
ข้อพระคัมภีร์ตอนนี้ ได้บอกเราถึง 3 ครั้งว่าพืชผักและต้นไม้ได้ถูกสร้างขึ้น“ตามชนิดของมัน” ข้อความตอนนี้คงจะไม่มีใครเข้าใจผิดพลาดอย่างแน่นอน ส้มมีเมล็ดส้มอยู่ในผลของมัน องุ่น ก็มีเมล็ดองุ่นอยู่ในผลของมัน กล่าวอีกอย่างหนึ่งได้ว่าพระเจ้าทรงออกแบบความเป็นระเบียบ โครงสร้าง และจุดประสงค์ไว้ในโลก คุณไม่สามารถจะพบเมล็ดแตงโมในผลส้มอย่างแน่นอน
พระคัมภีร์ข้อ 20-25 คุณจะพบลักษณะเดียวกันนี้กับนก สัตว์ทะเล และสัตว์บก นกอินทรีวางไข่ที่ฟักออกมาเป็นลูกนกอินทรี ไม่ใช่ฟักออกมาเป็นนกแก้ว แม่วัวจะไม่คลอดลูกออกมาเป็นลูกหมู สิ่งมีชีวิตทุกชนิดต่างก็แพร่พันธุ์“ตามชนิดของมัน”ทั้งสิ้น
พระเจ้าทรงสร้างดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวทั้งสิ้น ในวันที่สี่ (ข้อ 14-19) คุณเคยแหงนหน้ามองท้องฟ้าตอนกลางคืนและมองเห็นดวงดาวหลายร้อยดวงที่กำลังส่องแสงระยิบระยับอยู่หรือเปล่า? พระเจ้าเพียงแต่ตรัสเท่านั้น ดวงดาวเหล่านี้ทั้งหมดก็ปรากฏขึ้นมา พระเจ้าทรงสร้างอาณาจักรสัตว์น้ำทุกชนิด และทรงสร้างนกในวันที่ห้า (ข้อ 20-23) มีเพียงพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพทั้งสิ้นและรอบรู้ทุกสิ่งสารพัดที่เพียงแต่ตรัสเท่านั้น สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ทุกสิ่ง ก็ปรากฏขึ้นมา
พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างโลกของสัตว์ในวันที่หก (ข้อ 24-25) พระองค์ทรงสร้างสัตว์นานาชนิดเป็นอันมาก มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่มีฤทธิ์อำนาจและความรอบรู้ที่จะเนรมิตสร้างสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้ และในที่สุดก็ถึงเวลาที่
พระเจ้าจะสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือมนุษย์นั่นเอง พระองค์ทรงใช้เวลา 6 วันสุดท้ายในการจัดเตรียมแผ่นดินโลกสำหรับมนุษย์ พระเจ้าทรงสร้างความสว่างเพื่อมนุษย์จะมอง เห็นได้ พระเจ้าทรงสร้างที่แห้งเพื่อให้มนุษย์ใช้เป็นที่อยู่อาศัย พระเจ้าทรงสร้างต้นไม้เพื่อมนุษย์จะสามารถทำสิ่งต่าง ๆจากไม้และได้กินผลจากต้นของมันได้ พระเจ้าทรงให้ออกซิเจนเกิดขึ้นเพื่อมนุษย์จะสามารถหายใจได้
ปฐมกาล 1:26 และพระเจ้าตรัสว่า "จงให้พวกเราสร้างมนุษย์ตามแบบฉายาของพวกเรา ตามอย่างพวกเรา และให้พวกเขาครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนกในอากาศ และสัตว์ใช้งาน ให้ครอบครองทั่วทั้งแผ่นดินโลก และบรรดาสัตว์เลื้อยคลานที่คลานไปมาบนแผ่นดินโลก"
มนุษย์ได้ถูกสร้างขึ้นตามพระฉายาของพระเจ้า นี่ไม่ได้หมายความว่ามนุษย์มีร่างกายเหมือนพระเจ้า ยิ่งกว่านั้นจะเห็นได้ว่ามนุษย์เราทุกคนมีความสูง น้ำหนัก และสีผิวแตกต่างกัน พระฉายานั้นหมายความว่าเราได้ถูกสร้างขึ้นให้มีจิตใจ มีอารมณ์และความรู้สึก และมีใจปรารถนาเช่นเดียวกับพระเจ้า
พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้มีจิตใจเพื่อมนุษย์จะมีความสามารถ ที่จะรู้จักพระเจ้าได้ และเนื่องจากพระองค์ ทรงปรารถนาที่จะติดต่อสื่อสารกับมนุษย์พระองค์จึงสร้างให้มนุษย์มีความสามารถที่จะติดต่อสื่อสารได้ พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้มีอารมณ์และความรู้สึก มนุษย์จึงสามารถที่จะรัก รู้สึกเศร้าใจ และมีประสบการณ์กับความสุขได้ เพราะว่าพระเจ้าก็ทรงมีอารมณ์และความรู้สึกเหล่านี้เช่นกัน
พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้มีใจปรารถนา เพราะว่าพระองค์ทรงประสงค์ให้มนุษย์สามารถตัดสินใจได้ มนุษย์ต้องตัดสินใจ อะไร ๆหลายอย่างตลอดวัน เช่น จะตื่นเมื่อไร จะใส่เสื้อผ้าตัวไหน จะกินอะไร จะทำงานที่ไหน จะพูดอะไร จะดูอะไร จะฟังอะไร และ จะไปที่ไหน พระเจ้าทรงสร้าง ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวต่าง ๆเพื่อให้มันทำหน้าที่อย่างเดียวกันทุกวัน ทุกเดือน และทุกปี แต่มนุษย์ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะว่าพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้มีใจปรารถนาเพื่อมนุษย์จะสามารถตัดสินใจเลือกเหมือนอย่างที่พระเจ้า ทรงตัดสินพระทัยในการเลือกได้ พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะสร้างมนุษย์เพื่อให้มนุษย์เลือกที่จะรักและเชื่อฟังพระเจ้า
กล่าวโดยสรุปแล้ว พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้มีจิตใจเพื่อว่ามนุษย์จะสามารถฟังและเข้าใจการติดต่อสื่อสารจากพระเจ้าได้ พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้มีอารมณ์และความรู้สึกเพื่อว่ามนุษย์ จะสามารถตอบสนองต่อพระเจ้าด้วยความรักและการอุทิศตนเอง พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้มีใจปรารถนาเพื่อว่ามนุษย์จะสามารถเลือกที่จะติดตาม
พระเจ้าได้ มนุษย์ไม่เหมือนสิ่งอื่น ๆที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นมาเลย พระเจ้าทรงออกแบบมนุษย์มาเช่นนี้เพื่อว่าพระองค์ จะสามารถมีความสัมพันธ์พิเศษกับมนุษย์ได้ พระเจ้าทรงมี พระประสงค์ที่จะให้มนุษย์ครอบครองสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างขึ้น พระเจ้าทรงมีสิทธิ์อำนาจสูงสุด แต่พระองค์ทรงปรารถนาให้มนุษย์เป็นผู้ดูแลสิ่งที่พระองค์ทรงเนรมิตสร้างไว้นั้น
คำถามบทที่ 1
1. เคยมีช่วงเวลาที่พระเจ้าไม่ทรงมีอยู่หรือไม่
ก) มี
ข) ไม่มี
2. ใครหรือสิ่งใดที่สร้างพระเจ้าขึ้นมา
ก) ธรรมชาติ
ข) ผี
ค) ลูซิเฟอร์
ง) ไม่มีสิ่งใดสร้างพระองค์
3. พระเจ้าต้องการสิ่งใดในการดำรงพระชนม์
ก) อาหารข) อากาศ
ค) น้ำ
ง) ไม่มีอะไรเลย
4. ผู้เดียวที่สามารถบอกความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นในสมัย
ปฐมกาลคือใคร
ก) ลูซิเฟอร์ ข) พระเจ้า
ค) ผี
ง) ไม่มีใครเลย
5. พระเจ้าทรงสร้างสวรรค์และโลกโดยวิธีใด
ก) โดยการตรัส
ข) โดยเครื่องมือต่างๆ
ค) พระเจ้าไม่ได้ทรงสร้างสิ่งเหล่านั้น
6. พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้มีลักษณะเหมือนใคร
ก) ฑุตสวรรค์
ข) พระเจ้า
ค) ลูซิเฟอร์
7. ทำไมพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้มีจิตใจความรู้สึกนึกคิด
ก) เพื่อมนุษย์จะสามารถเข้าใจการติดต่อสื่อสารจาก
พระเจ้าได้
ข) เพื่อมนุษย์จะได้มีความรู้มากขึ้น
ค) เพื่อมนุษย์จะได้รักกันและกัน
8. ทำไมพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้มีอารมณ์ต่างๆ
ก) เพื่อมนุษย์จะได้รู้สึกถึงความทุกข์ทรมาน
ข) เพื่อมนุษย์จะได้ตอบสนองต่อพระเจ้าด้วยความรัก
และการอุทิศตนเอง
ค) เพื่อมนุษย์จะได้รักกันและกัน
9. ทำไมพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้มีความสามารถใน
การเลือกและตัดสินใจเองได้
ก) เพื่อให้มนุษย์สามารถเลือกและติดตามตนเองได้
ข) เพื่อให้มนุษย์เลือกที่จะกระทำบาปได้
ค) เพื่อให้มนุษย์เลือกที่จะติดตามพระองค์ได้