ถ้าหากนักศึกษาคนใดๆอยากได้รับใบประกาศเณียบัตรจากสหรัฐฯ เขาต้องส่งคำตอบมาถึงเราและถ้าผ่านเราก็จะส่งใบประกาศเณียบัตรไปให้เขา ขอส่งคำตอบมายังที่: biblestudythailand@gmail.com หรือ Facebook: www.facebook.com/ThaiBibleStudy หรือ Line ID: natwill78
เรียนพระคัมภีร์จากยุคสร้างโลกถึงชีวิตพระเยซูคริสต์
บทที่ 13 พลับพลาและช่วงเวลา 40 ปีในถิ่นทุรกันดาร
ในบทเรียนที่แล้ว เราได้ศึกษาว่าพระเจ้าทรงประทานธรรมบัญญัติของพระองค์ (พระบัญญัติ 10 ประการ) ด้วยวิธีการใด นอกจากนี้พระเจ้ายังทรงเห็นชอบกับชนชาติอิสราเอลว่า ถ้าพวกเขาเชื่อฟังธรรมบัญญัติของพระองค์ พระองค์ก็จะทรงสถิตอยู่กับเขาทั้งหลาย ปกป้องคุ้มครองพวกเขา และทรงประทานทุกอย่างที่พวกเขาต้องการ แต่ถ้าพวกเขาไม่เชื่อฟังธรรมบัญญัติของพระองค์ พวกเขาจะต้องถูกลงโทษก็คือ ความตายนั่นเอง พระเจ้าทรงทราบว่า พวกอิสราเอลเป็นคนบาปที่ไม่สามารถเชื่อฟังกฎบัญญัติของพระองค์ได้ตลอดเวลา พระเจ้าทรงทราบว่าเขาทั้งหลายจะไม่เชื่อฟังพระองค์และพระองค์จะต้องลงโทษพวกเขา อย่างไรก็ตามพระเจ้าก็ยังคงรักชนชาติอิสราเอล ดังนั้นพระองค์จึงทรงจัดเตรียมหนทางที่จะช่วยพวกเขาให้รอดพ้นจากการลงโทษ พระเจ้าตรัสบอกให้พวกเขาสร้างสถานที่พิเศษขึ้นมาแห่งหนึ่ง ซึ่งจะเป็นที่ที่พระองค์จะสถิตอยู่และติดต่อกับพวกเขา
พระเจ้าทรงมีพระบัญชาที่เฉพาะเจาะจงว่าจะสร้างพลับพลา (เต็นท์) ที่ซึ่งพระองค์จะทรงประทับให้เป็นที่ปรากฏแก่ชนชาติอิสราเอลนั้นอย่างไร เราจะไม่ใช้เวลาในการศึกษาเกี่ยวกับพลับพลามากนัก อย่างไรก็ตามการศึกษาเกี่ยวกับพลับพลาก็คุ้มค่าทีเดียวเพราะเราจะได้เรียนรู้หลายสิ่งเกี่ยวกับพระเจ้า เมื่อผู้หนึ่งผู้ใดปรารถนาที่จะเข้าใกล้พระเจ้า ขั้นตอนแรกของเขาก็คือ การที่จะต้องนำสัตว์มาถวายแก่พระเจ้า เขาจะต้องวางมือบนหัวของสัตว์ตัวนั้นและฆ่ามันเสีย โดยการกระทำเช่นนี้เขาก็ได้ยอมรับต่อพระเจ้าว่าเขาเองเป็นคนบาปและสมควรจะต้องตาย และโดยการวางมือบนสัตว์ตัวนั้นเขาก็ได้แสดงตัวเองว่าเป็นสัตว์ตัวนั้น ซึ่งจะต้องตายแทนเขานั่นเอง พระเจ้าทรงอนุญาตให้ใช้แกะหรือแพะ วัวตัวผู้ และนกสำหรับเป็นเครื่องบูชา สัตว์เหล่านั้นจะต้องเป็นสัตว์ตัวผู้ที่สมบูรณ์ และเลือดของมันจะต้องถูกทำให้ไหลออกมา เลือดของสัตว์เหล่านี้ไม่ได้ชำระความผิดบาปของคนทั้งหลาย แต่เป็นเพียงเครื่องเตือนใจให้ระลึกว่าความตายเป็นโทษทัณฑ์สำหรับความผิดบาปนั่นเอง นี่เป็นภาพที่แสดงให้เห็นถึงพระผู้ช่วยให้รอดที่พระเจ้าได้ทรงสัญญาว่าจะเป็นผู้ที่มีชัยชนะเหนือความบาปและซาตาน แล้วสัตว์ตัวนั้นก็จะถูกนำไปเผาบนแท่นบูชา พระเจ้าทรงสัญญาว่าถ้าเขาทั้งหลายเข้ามาหาพระเจ้าตามวิธีที่พระองค์ได้บัญชาไว้ พระองค์ก็จะทรงยับยั้งพระอาชญาที่พวกเขาสมควรจะได้รับและจะทรงอภัยโทษต่อความผิดบาปของเขา เขาทั้งหลายจะต้องเข้ามาหาพระองค์โดยมีความเชื่อในพระองค์และนำเครื่องบูชาด้วยเลือดมาถวายสำหรับความผิดบาปของตนเอง
หลังจากที่พลับพลาได้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วพระเจ้าได้ทรงนำชนชาติอิสราเอลไปยังชายแดนของ “แผ่นดินที่ทรงสัญญา” นี่เป็นแผ่นดินที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้ว่าจะประทานแก่อับราฮัมเมื่อกว่า 430 ปีก่อนหน้านี้ พระเจ้าทรงสั่งให้โมเสสเลือกชายผู้หนึ่งจากตระกูลของชนชาติอิสราเอลแต่ละตระกูล เพื่อให้ออกไปสอดแนมในแผ่นดินนั้น เมื่อพวกสอดแนมกลับมาแล้วมี 10 คน ที่รายงานข่าวร้ายให้ทราบ แต่อีก 2 คนนั้นนำข่าวดีกลับมารายงานให้ทราบ ผู้สอดแนม 10 คนได้มารายงานแก่พวกอิสราเอลว่ามียักษ์อาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้นและยังมีกำแพงอันแข็งแกร่งล้อมรอบเมืองไว้อีกด้วย คนเหล่านี้ไม่เชื่อว่าพระเจ้าจะทรงมีฤทธานุภาพพอที่จะเอาชนะชาวเมืองคานาอัน (แผ่นดินที่ทรงสัญญาไว้) และประทานแผ่นดินนั้นแก่พวกเขาได้ อย่างไรก็ตามโยชูวา (ซึ่งเป็นแม่ทัพของโมเสส) และคาเลบได้เห็นกำแพงอันแข็งแกร่งและขนาดของชาวเมืองนั้นเช่นกัน แต่คนทั้งสองระลึกถึงบรรดาเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ที่พระเจ้าได้ทรงกระทำและเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงประทานแผ่นดินนั้นแก่พวกเขา
กันดารวิถี 14:1-3 แล้วบรรดาชุมนุมชนนั้นก็ร้องลั่นขึ้นมา ประชาชนร้องไห้ในคืนวันนั้น บรรดาคนอิสราเอลได้บ่นว่าโมเสสและอาโรน ชุมนุมชนทั้งหมดกล่าวแก่ท่านว่า“ให้เราตายเสียที่แผ่นดินอียิปต์ หรือให้เราตายเสียที่ถิ่นทุรกันดารนี้ก็ดีกว่า พระเยโฮวาห์นำเราเข้ามาในประเทศนี้ให้ตายด้วยดาบทำไมเล่า ลูกเมียของเราต้องตกเป็นเหยื่อ ที่เราจะกลับไปอียิปต์ไม่ดีกว่าหรือ”
ชาวอิสราเอลทั้งหลายเห็นด้วยกับผู้สอดแนม 10 คน และไม่เชื่อว่าพระเจ้าจะทรงประทานแผ่นดินนั้นแก่พวกเขา พวกเขาคิดว่าพระเจ้าโกหก พระเจ้าเคยตรัสล่วงหน้าไว้ว่าพระองค์จะทรงประทานแผ่นดินนั้นแก่เขาทั้งหลาย แต่พวกเขาไม่เชื่อพระองค์ พวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเพราะชาวเมืองคานาอันตัวใหญ่และแข็งแรงกว่าคนยิว พระเจ้าทรงโกรธชาวอิสราเอลทั้งหลายเพราะพวกเขาไม่เชื่อพระองค์ พระเจ้าจึงทรงบอกแก่เขาทั้งหลายว่าทุกคนที่มีอายุ 20 ปีและมากกว่า 20 ปีซึ่งไม่เชื่อพระเจ้าจะต้องตายในถิ่นทุรกันดาร มีเพียงโยชูวาและคาเลบเท่านั้นที่เชื่อพระเจ้า พระเจ้าตรัสว่าหลังจากนี้อีก 40 ปี คือภายหลังจากที่คนเหล่านั้นตายหมดแล้ว พระองค์ก็จะทรงนำลูกหลานของพวกเขาพร้อมทั้งโยชูวาและคาเลบเข้าไปในแผ่นดินนั้นและทรงประทานแผ่นดินนั้นแก่เขาทั้งหลาย
การไม่เชื่อพระเจ้านั้นเป็นการกระทำที่ผิดมากที่สุด พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะนำชนชาติอิสราเอลเข้าไปในแผ่นดินคานาอันทันที อย่างไรก็ตามพระเจ้าทรงกระทำให้เขาทั้งหลายต้องเร่ร่อนในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลา 40 ปี เพราะพวกเขาเลือกที่จะไม่เชื่อพระองค์ ผู้ใหญ่เหล่านั้นทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปี ขึ้นไปซึ่งไม่เชื่อพระเจ้าก็ตายในถิ่นทุรกันดารในช่วงระยะเวลา 40 ปีนั่นเอง
พระวจนะของพระเจ้าได้บอกให้เราทราบถึงเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นต่อชนชาติอิสราเอลในช่วงระยะเวลา 40 ปีแห่งการเร่ร่อนในถิ่นทุรกันดารนี้ เราจะมาศึกษาเหตุการณ์อย่างหนึ่งในบทนี้กันตามปกติแล้วเมื่อเวลาผ่านไปไม่นานนักชาวอิสราเอลก็จะเริ่มร้องทุกข์และบ่นเมื่อมีความทุกข์ลำบากเกิดขึ้น พระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมอาหารและน้ำสำหรับชาวอิสราเอลทั้งหลายหลังจากที่พวกเขาเริ่มเดินทางออกจากประเทศอียิปต์ แต่พวกเขาก็ยังคงไม่ไว้วางใจและพึ่งพาพระองค์ แล้วพวกเขาก็ลืมสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงกระทำสำหรับพวกเขาอย่างรวดเร็ว และเริ่มจะบ่นเพราะพวกเขาขาดแคลนน้ำอีก
กันดารวิถี 21:5, 6 และประชาชนก็บ่นว่าพระเจ้าและว่าโมเสสว่า“ทำไมพาเราออกจากอียิปต์มาตายในถิ่นทุรกันดาร เพราะไม่มีอาหารและไม่มีน้ำ เราเบื่ออาหารอันไร้ค่านี้” และ
พระเยโฮวาห์ก็ทรงให้งูแมวเซามาในหมู่ประชาชน งูก็กัดประชาชน และคนอิสราเอลตายมาก
มีชาวอิสราเอลมากมายที่ตายเพราะถูกงูกัด พระเจ้าได้ตรัสไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าความบาปจะนำไปสู่ความตายทางด้านร่างกาย ส่วนทางด้านความสัมพันธ์กับพระเจ้านั้นจะถูกแยกจากพระเจ้าชั่วนิรันดร์และจะเป็นความตายชั่วนิรันดร์ บัดนี้ความจริงในเรื่องดังกล่าวก็ได้แสดงออกมาให้เห็นประจักษ์แล้วโดยที่คนเป็นอันมากได้ตายลง นี่เป็นการพิพากษาของพระเจ้าที่มีต่อเขาทั้งหลาย เพราะความผิดบาปของพวกเขาเอง คนเหล่านี้ถูกงูกัดและตายฉันใด มนุษย์ทุกคนก็ถูก“งูพิษแห่งความบาป”กัดฉันนั้น ผลที่เกิดขึ้นทำให้เราถูกแยกจากพระเจ้าและจะต้องตายฝ่ายร่างกายในวันใดวันหนึ่ง สำหรับผู้ที่ตายโดยถูกแยกจากพระเจ้าก็จะต้องถูกแยกจากพระเจ้าไปอยู่ในบึงไฟตลอดไปเป็นนิตย์ และสำหรับผู้ที่ได้รับการยอมรับจาก
พระเจ้าก่อนจะตายก็จะได้อยู่กับพระเจ้าในสวรรค์ชั่วนิรันดร์เมื่อเขาตายไปแล้ว คุณอาจจะถามตัวเองว่า“แล้วฉันจะได้รับการยอมรับจากพระเจ้าได้อย่างไร?” เนื้อหาในพระคัมภีร์ก็เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทั้งสิ้น และเป้าหมายของบทเรียนเหล่านี้ก็เพื่อจะช่วยให้คุณเข้าใจเนื้อหาและข้อความเหล่านี้ เพื่อคุณจะได้รับการยอมรับจากพระเจ้าและได้อยู่กับพระเจ้าในสวรรค์ชั่วนิรันดร์
คนยิวไม่สามารถหนีพ้นจากงูพิษที่พระเจ้าส่งมาได้ เมื่อพระเจ้าทรงตัดสินพระทัยที่จะลงโทษคนบาปแล้วก็ไม่มีที่ไหนที่พวกเขาจะสามารถหนีไปหลบซ่อนได้ ในสมัยโนอาห์หลังจากที่พระเจ้าทรงปิดประตูที่เข้าสู่เรือแล้วก็ไม่มีทางที่คนเหล่านั้นซึ่งอยู่นอกเรือจะหนีรอดได้ ชาวเมืองโสโดมและ
โกโมราห์ไม่สามารถจะหนีพ้นจากการพิพากษาของพระเจ้าเมื่อพระองค์ส่งลูกไฟลงมาทำลายเมืองเหล่านั้น เมื่อพระเจ้าทรงตัดสินพระทัยว่าถึงเวลาที่จะลงโทษมนุษย์แล้วก็จะไม่มีที่ไหนที่พวกเขาจะสามารถหนีไปหลบให้รอดพ้นได้เลย
กันดารวิถี 21:7 และประชาชนมาหาโมเสสกล่าวว่า“เราทั้งหลายได้กระทำบาปเพราะเราทั้งหลายได้บ่นว่า
พระเยโฮวาห์และบ่นว่าท่าน ขอทูลแด่พระเยโฮวาห์ ขอพระองค์ทรงนำงูไปจากเราเสีย” ดังนั้นโมเสสจึงอธิษฐานเพื่อประชาชน
เป้าหมายของพระเจ้าสำหรับการพิพากษา คือการที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจิตใจของผู้ที่ได้กระทำความผิดบาป พระคัมภีร์อธิบายลักษณะของคำนี้ว่าเป็นการกลับใจใหม่ ชนชาติอิสราเอลทั้งหลายได้เปลี่ยนแปลงทัศนคติของตนเองที่มีต่อพระเจ้าและยอมรับความผิดบาปของตนเองอย่างรวดเร็ว บัดนี้พวกเขาตระหนักว่ามีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่ช่วยพวกเขาให้รอดพ้นจากการลงโทษได้ พวกเขาเองไม่สามารถจะช่วยตัวเองให้รอดพ้นจากงูเหล่านั้นได้
กันดารวิถี 21:8, 9 และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า“จงทำงูแมวเซาตัวหนึ่งติดไว้ที่เสา และต่อมาทุกคนที่ถูกงูกัดเมื่อเขามองดู เขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้” ดังนั้นโมเสสจึงทำงูทองสัมฤทธิ์ตัวหนึ่งและติดไว้ที่เสา แล้วต่อมาถ้างูกัดคนใด ถ้าเขามองดูงูทองสัมฤทธิ์นั้น เขาก็มีชีวิตอยู่ได้
พระเจ้าเปี่ยมล้นด้วยความรัก พระเมตตาและพระกรุณาคุณ พระองค์ได้ตัดสินพระทัยที่จะจัดเตรียมหนทางเพื่อช่วยเหลือผู้ที่เชื่อพระองค์ให้รอดได้ แม้ว่าพวกเขาไม่สมควรที่จะได้รับการช่วยเหลือจากพระเจ้า แต่พระองค์ก็ยังทรงช่วยทุกคนที่ไว้วางใจในพระองค์ให้รอด พระเจ้าไม่ได้บอกให้พวกยิวหาวิธีของตัวเองเพื่อจะได้รับการรักษาให้หาย แต่พระองค์ทรงบอกให้โมเสสสร้างงูทองสัมฤทธิ์ตัวหนึ่งแล้วนำไปติดไว้ที่เสา ถ้าพวกเขาเชื่อพระองค์ พวกเขาก็จะรอดจากความตาย สิ่งที่พวกเขาจะต้องกระทำก็คือ การมองดูงูทองสัมฤทธิ์เท่านั้น พวกเขาก็จะไม่ตาย พระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมหนทางสำหรับพวกเขาที่จะหนีพ้นจากความตาย แต่จะต้องกระทำตามวิธีการของพระเจ้า ไม่ใช่วิธีการของเขาเอง
คุณคิดว่าถ้าคนเหล่านี้เพียงแค่อธิษฐาน แล้วไม่ต้องมองดูงูทองสัมฤทธิ์เขาจะมีชีวิตรอดหรือไม่? ไม่รอดแน่นอน และถ้าพวกเขาไม่ได้มองดูงูทองสัมฤทธิ์ แต่ได้ถวายของกำนัลหรือเงินแก่พระเจ้าแทนล่ะ? พวกเขาจะมีชีวิตรอดหรือไม่? ไม่รอดเลย พวกเขาจะต้องมองดูงูทองสัมฤทธิ์ตามที่พระเจ้าได้ตรัสไว้แล้ว
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 3,400 ปีมาแล้ว
พระเจ้าทรงให้เหตุการณ์นี้ถูกบันทึกอยู่ในพระคัมภีร์เพื่อเราจะเรียนรู้ว่าเราจำเป็นที่จะต้องฟังพระเจ้าและเชื่อในพระองค์ ชนชาติอิสราเอลทั้งหลายได้เร่ร่อนอยู่ในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลา 40 ปี และคนเหล่านั้นทุกคนซึ่งปฏิเสธที่จะเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงประทานแผ่นดินที่ทรงสัญญาไว้แก่พวกเขาก็ตายไปในถิ่นทุรกันดารนั่นเอง นี่เป็นการลงโทษของพระเจ้าที่มีต่อเขาทั้งหลายเพราะพวกเขาปฏิเสธที่จะเชื่อคำตรัสหรือพระวจนะของพระองค์ ชนชาติอิสราเอลได้รับพระวจนะของพระเจ้าผ่านทางโมเสสฉันใด เราทั้งหลายก็ได้รับพระวจนะของ
พระเจ้าผ่านทางพระคัมภีร์ฉันนั้น พระเจ้าทรงถือว่าเราจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เราได้รู้เกี่ยวกับพระองค์ พระเจ้าทรงประทานพระวจนะของพระองค์แก่เราเพื่อเราจะได้เชื่อพระองค์ ถ้าเราปฏิเสธที่จะเชื่อพระเจ้าแล้วละก็ เราก็จะเป็นเหมือนชนชาติอิสราเอล คือจะต้องตายในความบาปของเรา
โมเสสตายก่อนหน้าที่พระเจ้าจะพร้อมที่จะส่งชนชาติอิสราเอลเข้าไปในแผ่นดินที่ทรงสัญญาไว้เพียงเล็กน้อย
พระเจ้าจึงทรงแต่งตั้งโยชูวาให้เป็นผู้นำคนใหม่ของชนชาติอิสราเอล พระเจ้าได้ทรงใช้โยชูวาให้นำชนชาติของพระองค์เข้าไปในแผ่นดินคานาอัน คนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้นได้ต่อสู้กับชนชาติอิสราเอล อย่างไรก็ตามพระเจ้าทรงปกป้องคุ้มครองกองทัพของชนชาติอิสราเอลและทรงช่วยให้สามารถเอาชนะผู้คนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้น
พระเจ้าได้ทรงสัญญาว่าจะประทานแผ่นดินคานาอันแก่ชนชาติอิสราเอล ถึงแม้ว่าซาตานและกษัตริย์ของประเทศอิยิปต์พยายามจะขัดขวางไม่ให้ชนชาติอิสราเอลเดินทางออกจากประเทศอิยิปต์ และแม้ว่าชนชาติอิสราเอลทั้งหลายจะเกิดความสงสัยในพระเจ้าหลายครั้งหลายหนก็ตาม แต่พระเจ้าก็ยังคงกระทำสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้แล้ว พระองค์ทรงนำพวกเขา ทรงปกป้องคุ้มครองพวกเขา และทรงประทานอาหารและน้ำเป็นเวลา 40 ปีขณะที่พวกเขาเร่ร่อนในถิ่นทุรกันดาร พระเจ้าไม่เคยละเลยที่จะกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้
คำถามบทที่ 13
1. ใครคือชายสองคนที่กลับมารายงานโมเสสเกี่ยวกับแผ่นดิน
ที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้ (เลือกสองข้อ)
ก) อารอน
ข) คาเลบ
ค) ยาโคบ
ง) โยชูวา
2. สองสิ่งใดต่อไปนี้ที่ทำให้คนสิบคนเกิดความกลัว
(เลือกสองข้อ)
ก) โรคภัย
ข) ทะเลทราย
ค) กำแพงสูง
ง) ยักษ์
3. คนทั้งหลายเชื่อฟังใคร
ก) คนสองคน
ข) คนสิบคน
ค) ไม่เชื่อฟังใครเลย
4. การตัดสินใจของพวกเขานั้นมีผลต่อพวกเขาสองข้ออย่างไร
(เลือกสองข้อ)
ก) ทุกคนที่มีอายุ 20 ปีและมากกว่านั้นจะต้องตายในใน
ถิ่นทุรกันดาร
ข) พวกเขากลับไปที่อียิปต์
ค) พวกเขาต้องเร่ร่อนอยู่ในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลา 40 ปี
5. หลังการที่โมเสสตายแล้วใครได้เป็นผู้นำ
ก) โนอาห์
ข) อาดัม
ค) โยชูวา
ง) พระเยซู