ถ้าหากนักศึกษาคนใดๆอยากได้รับใบประกาศเณียบัตรจากสหรัฐฯ เขาต้องส่งคำตอบมาถึงเราและถ้าผ่านเราก็จะส่งใบประกาศเณียบัตรไปให้เขา ขอส่งคำตอบมายังที่: biblestudythailand@gmail.com หรือ Facebook: www.facebook.com/ThaiBibleStudy หรือ Line ID: natwill78

เรียนพระคัมภีร์จากยุคสร้างโลกถึงชีวิตพระเยซูคริสต์

บทที่ 3 ความชั่วในโลก


 อาดัมกับเอวาอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างสนิทสนมปรองดองกันอย่างสมบูรณ์และสนิทสนมกับพระเจ้าในสวนเอเดน แต่บางสิ่งที่เลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้น

ปฐมกาล 3:1  งูนั้นเป็นสัตว์ที่ฉลาดกว่าบรรดาสัตว์ในทุ่งนาซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าได้ทรงสร้างไว้  มันกล่าวแก่หญิงนั้นว่า “จริงหรือที่พระเจ้าตรัสว่า‘เจ้าอย่ากินผลจากต้นไม้ทุกชนิดในสวนนี้’” 

    ซาตานเกลียดชังพระเจ้าและมันต้องการที่จะทำลายมนุษย์   มันได้ใช้งูตัวหนึ่งมาปิดบังตัวเองและได้พูดผ่านงูตัวนั้น  คำพูดคำแรก ๆของมันที่มันพูดกับมนุษย์ก็เพื่อสร้างความสงสัยให้เกิดขึ้นกับคำตรัสของพระเจ้าโดยการตั้งคำถามต่อคำตรัสนั้น  มันกล่าวว่า “พระเจ้าตรัสเช่นนี้จริง ๆหรือ” มันได้สร้างความสงสัยขึ้นในใจของเอวา  กลอุบายของซาตานไม่เคยเปลี่ยนแปลง  มันยังคงพยายามที่จะล่อลวงมนุษย์  ซาตานสามารถจะสร้างความคิดที่เป็นเท็จขึ้นในใจของเราได้  มันทำให้คนเกิดคำถามกับคำตรัสหรือพระวจนะของพระเจ้าเหมือนที่มันได้กระทำกับเอวา  คุณอาจจะคิดว่า“ทำไมฉันต้องเชื่อพระคัมภีร์ด้วย” หรือ “นี่เป็นพระวจนะของพระเจ้าจริง ๆหรือ”   จงอย่ายอมให้ซาตานล่อลวงคุณให้เชื่อเรื่องโกหกใด ๆ  

ปฐมกาล 3:2-3  หญิงนั้นจึงกล่าวแก่งูว่า “ผลของต้นไม้ชนิดต่าง ๆในสวนนี้ เรากินได้ แต่ผลของต้นไม้ต้นหนึ่งซึ่งอยู่ท่ามกลางสวน พระเจ้าตรัสว่า ‘เจ้าอย่ากินหรือแตะต้องมัน มิฉะนั้นเจ้าจะตาย’” 

    เอวารู้สึกสับสน  นางได้เพิ่มถ้อยคำที่ว่า“เจ้าอย่า ... แตะต้องมัน” ซึ่งนี่ไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าตรัสตั้งแต่เดิมในปฐมกาล 2:17 พระเจ้าเพียงแต่ตรัสว่า ถ้าเจ้ากิน เจ้าจะตาย  

ปฐมกาล 3:4-5  งูจึงกล่าวแก่หญิงนั้นว่า “เจ้าจะไม่ตายแน่เพราะว่าพระเจ้าทรงทราบว่าเจ้ากินผลไม้นั้นวันใด ตาของเจ้าจะสว่างขึ้นวันนั้น และเจ้าจะเป็นเหมือนพระที่รู้ดีรู้ชั่ว” 

เป้าหมายสูงสุดของซาตานคือการทำให้คนอื่น ๆติดตามมันและไม่ติดตามพระเจ้า  มันเริ่มกล้าขึ้นและโกหกอย่างโจ่งแจ้งโดยได้พูดขัดแย้งกับคำตรัสของพระเจ้า  ซาตานกล่าวว่าพระเจ้าโกหก  ใครกันแน่ที่พูดความจริง
พระเจ้าต่างหากที่ทรงบอกความจริงเสมอ  ซาตานเสนอแนะใหเอวาดำเนินชีวิตที่เป็นอิสระจากพระเจ้าและปกครองชีวิตของตนเอง  

 ปฐมกาล 3:6  เมื่อหญิงนั้นเห็นว่า ต้นไม้นั้นเหมาะสำหรับเป็นอาหารและมันงามน่าดู และต้นไม้ต้นนั้นเป็นที่น่าปรารถนาเพื่อให้เกิดปัญญา หญิงจึงเก็บผลไม้นั้นแล้วกินเข้าไปแล้วส่งให้สามีของนางด้วย และเขาได้กิน 

ซาตานหลอกลวงเอวาเกี่ยวกับ สัจธรรมหรือความจริงในคำตรัสของพระเจ้า  นางคิดจริง ๆ ว่านางคงจะไม่ตายหรอก  ซาตานปรารถนาที่จะทำให้ทุกคนรู้สึกสับสนว่าอะไรจริง และอะไรเท็จ  เอวากินผลไม้นั้นเพราะถูกล่อลวง แต่อาดัมเจตนาเลือกที่จะไม่เชื่อฟังพระเจ้า อาดัมไม่ได้ถูกล่อลวงเหมือนเอวา อาดัมรู้อย่างแน่นอนว่าขณะที่เขากินผลไม้นั้นเขากำลังทำอะไรลงไป  ทั้งสองคนเลือกที่จะทำตามวิถีทางของตนเองแทนที่จะกระทำสิ่งที่ถูกต้องและเชื่อฟังคำตรัสของพระเจ้า

ปฐมกาล 3:7  ตาของเขาทั้งสองก็สว่างขึ้น เขาจึงรู้ว่าเขาเปลือยกายอยู่ และเขาทั้งสองก็เอาใบมะเดื่อมาเย็บเป็นเครื่องปกปิดอวัยวะส่วนล่างของเขาไว้   

การไม่เชื่อฟังของอาดัมและเอวาได้แยกพวกเขาจากพระเจ้าและแยกความสัมพันธ์ของพวกเขาที่มีกับพระเจ้าด้วย  เช่นเดียวกับกิ่งไม้ที่หักออกจากต้นย่อมถูกแยกจากแหล่งชีวิตของมันอาดัมและเอวาก็ถูกแยกจากพระเจ้าผู้ทรงเป็นแหล่งและผู้ธำรงรักษาชีวิตเช่นเดียวกัน  กิ่งไม้จะเฉาตายไปในที่สุดฉันใด อาดัมและเอวาก็จะต้องตายฝ่ายร่างกายในวันใดวันหนึ่ง ฉันนั้น และพวกเขาจะต้องไปสู่สถานที่ซึ่งพระเจ้าได้เตรียมไว้สำหรับซาตานและวิญญาณชั่วทั้งหลายด้วย

อาดัมกับเอวารู้สึกอับอายและละอายที่ตระหนักว่าตนเองเปลือยกายอยู่ พวกเขาจึงเอาใบมะเดื่อมาเย็บติดกันเพื่อทำเครื่องปกปิดสำหรับตน  ทั้งสองคนพยายามจะจัดเตรียมบางสิ่งสำหรับความต้องการของตนเอง  เมื่อก่อนนี้พวกเขามองไปยังพระเจ้าเพื่อจะตอบสนองความต้องการของเขา แต่เดี๋ยวนี้คนทั้งสองพยายามที่จะดำเนินชีวิตที่เป็นอิสระจากพระเจ้า  ทุกวันนี้มีคนมากมายที่คิดว่าพวกเขาสามารถจะทำให้ตนเองเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าได้โดยการอาศัยลักษณะที่ปรากฏภายนอกเหมือนที่อาดัมและเอวาได้พยายามที่จะทำให้ตนเองเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าโดยการสวมใส่เครื่องปกปิด อย่างไรก็ตามพระเจ้าไม่ยอมรับเราโดยอาศัยพื้นฐานของลักษณะที่ปรากฏภายนอกของเราเลย  

 ปฐมกาล 3:8-9  ในเวลาเย็นวันนั้นเขาทั้งสองได้ยินพระสุรเสียงของพระเยโฮวาห์พระเจ้าเสด็จดำเนินอยู่ในสวน อาดัมและภรรยาของเขาซ่อนตัวจากพระพักตร์ของพระเยโฮวาห์พระเจ้าท่ามกลางต้นไม้ต่าง ๆในสวนนั้น  พระเยโฮวาห์พระเจ้าทรงเรียกอาดัมและตรัสแก่เขาว่า “เจ้าอยู่ที่ไหน” 

พระเจ้าทรงเสด็จมาตามหาคนทั้งสอง อย่าง

พระบิดาผู้ทรงเปี่ยมล้นด้วยความรัก พวกเขาไม่ได้ออกไปตามหาพระองค์  พวกเขากลับวิ่งหนีและซ่อนตัวเสียจาก

พระเจ้า  ทั้งสองคนกำลังรับรู้ถึงขั้นแรกของความตายคือการถูกแยกจากความสัมพันธ์ที่เคยมีกับพระเจ้า  พระเจ้าทรงทราบดีว่าเกิดอะไรขึ้นแต่พระองค์ก็ยังคงสัตย์ซื่อในการสนทนากับพวกเขา  พระเจ้าทรงทราบว่าอาดัมกับเอวาอยู่ที่ไหนแต่พระองค์ทรงปรารถนาที่จะให้พวกเขาตระหนักว่าการแยกจากกันได้เกิดขึ้นแล้ว  

ปฐมกาล 3:10-13   เขาทูลว่า “ข้าพระองค์ได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ในสวน และข้าพระองค์ก็กลัว เพราะว่าข้าพระองค์เปลือยกายอยู่ ข้าพระองค์จึงได้ซ่อนตัวเสีย”  พระองค์ตรัสว่า “ใครได้บอกเจ้าว่าเจ้าเปลือยกายอยู่ เจ้าได้กินผลจากต้นไม้นั้น ซึ่งเราสั่งเจ้าไว้ว่าเจ้าอย่ากินแล้วหรือ”  ชายนั้นทูลว่า “หญิงซึ่งพระองค์ทรงประทานให้อยู่กับข้าพระองค์นั้น นางได้ส่งผลจากต้นไม้ ข้าพระองค์จึงรับประทาน”  พระเยโฮวาห์พระเจ้าตรัสแก่หญิงนั้นว่า “เจ้าทำอะไรลงไป” หญิงนั้นทูลว่า “งูล่อลวงข้าพระองค์ ข้าพระองค์จึงรับประทาน” 

    คุณสามารถจะเห็นได้อย่างชัดเจนถึงการขาดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างอาดัมกับเอวาและระหว่างพวกเขากับพระเจ้า  ทั้งอาดัมและเอวาต่างก็กล่าวหาผู้อื่นแทนที่จะยอมรับความรับผิดชอบในส่วนของตนเอง  อาดัมตำหนิพระเจ้ากับเอวา ส่วนเอวาตำหนิงู  การกระทำเช่นนี้เป็นการกระทำที่ไม่ซื่อสัตย์และไม่ถูกต้องด้วย  พวกเขาทั้งสองเลือกที่จะไม่เชื่อฟังคำตรัสของพระเจ้า

ปฐมกาล 3:14-15   พระเยโฮวาห์พระเจ้าตรัสแก่งูนั้นว่า “เพราะเหตุที่เจ้าได้กระทำเช่นนี้ เจ้าถูกสาปแช่งมากกว่าบรรดาสัตว์ใช้งาน และบรรดาสัตว์ในทุ่งนา เจ้าจะเลื้อยไปด้วยท้องของเจ้า และเจ้าจะกินผงคลีดินตลอดวันเวลาในชีวิตของเจ้า  เราจะให้เจ้ากับหญิงนี้เป็นปฏิปักษ์กัน ทั้งเชื้อสายของเจ้ากับเชื้อสายของนาง เชื้อสายของนางจะกระทำให้หัวของเจ้าฟกช้ำ และเจ้าจะกระทำให้ส้นเท้าของท่านฟกช้ำ” 

ประการแรก พระเจ้าทรงสาปแช่งงู  ประการที่สอง พระเจ้าทรงประทานพระสัญญาที่สำคัญและมหัศจรรย์ซึ่งเต็มไปด้วยความหมายที่ดี   เมื่อมาถึงจุดนี้ซาตานคิดว่ามันปราบพระเจ้าลงได้และควบคุมโลกนี้ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว แต่ไม่มีใครสามารถจะเอาชนะพระเจ้าได้  จะมีอยู่วันหนึ่งที่ผู้หญิงจะให้กำเนิดเชื้อสายคนหนึ่งที่จะต่อสู้กับเชื้อสายของงูซึ่งหมายถึงสาวกของซาตานนั่นเอง  ในการต่อสู้นั้นหัวของซาตานจะถูกบดขยี้ (มีบาดแผลถึงตาย) แต่มันจะกระทำให้เชื้อสายของนางบาดเจ็บ   เชื้อสายท่านนี้เป็นใคร?  ใน

พระคัมภีร์ตรงจุดนี้เรายังไม่ทราบนามของท่าน ให้เราเรียกนามของท่านว่า “พระผู้ช่วยให้รอด” กันก่อน

พระเจ้าทรงลงโทษต่อความชั่วเสมอ แต่ขณะเดียวกันพระองค์ก็ทรงเปี่ยมล้นด้วยความรัก ความกรุณา ความเมตตาและความปรานีเช่นกัน  พระองค์ทรงสัญญาว่าจะส่ง“พระผู้ช่วยให้รอดพ้น”มาให้ เพื่อมนุษย์จะสามารถรอดจากการลงโทษที่เขาสมควรได้รับนั้น  เราได้เรียนรู้ว่าพระเจ้าดำเนินการขั้นแรกเพื่อตอบสนองต่อความชั่วที่เข้ามาทำลายโลก  พระผู้ช่วยให้รอดจะเอาชนะความชั่วในโลก  พระเจ้าไม่จำเป็นที่จะต้องแบกรับความรับผิดชอบนี้เลย แต่พระเจ้าทรงกระทำเช่นนี้เพราะพระองค์ทรงปรารถนาที่จะให้สิ่งต่าง ๆนั้นถูกต้องและดีงาม และนี่ยังแสดงให้เราได้เห็นว่าพระองค์ทรงรักมนุษย์มากเพียงใด

ปฐมกาล 3:16   พระองค์ตรัสแก่หญิงนั้นว่า “เราจะเพิ่มความทุกข์ยากให้มากขึ้นแก่เจ้าและการตั้งครรภ์ของเจ้า เจ้าจะคลอดบุตรด้วยความเจ็บปวด เจ้ายังต้องการสามีของเจ้า และเขาจะปกครองเจ้า” 

    การลงโทษอย่างหนึ่งสำหรับผู้หญิงคือความเจ็บปวดที่เพิ่มขึ้นเป็นอันมากขณะตั้งครรภ์และคลอดบุตร การลงโทษอีกอย่างหนึ่งก็คือเธอจะมีความปรารถนาที่จะแข่งขันกับสามีในการเป็นผู้นำครอบครัว  และนี่เองจะนำมาซึ่งการขาดความปรองดองกัน การแข่งขันกัน และความขัดแย้งในชีวิตสมรส

ปฐมกาล 3:17-19   พระองค์ตรัสแก่อาดัมว่า “เพราะเหตุเจ้าได้ฟังเสียงของภรรยาเจ้า และได้กินผลจากต้นไม้ ซึ่งเราได้สั่งเจ้าว่า เจ้าอย่ากินผลจากต้นนั้น แผ่นดินจึงต้องถูกสาปแช่งเพราะตัวเจ้า เจ้าจะต้องหากินบนแผ่นดินนั้นด้วยความทุกข์ยากตลอดวันเวลาในชีวิตของเจ้า  แผ่นดินจะงอกต้นไม้ที่มีหนามและผักที่มีหนามแก่เจ้า และเจ้าจะกินผักในทุ่งนา  เจ้าจะต้องหากินด้วยเหงื่อไหลโซมหน้าจนกว่าเจ้ากลับไปเป็นดิน เพราะเจ้ามาจากดิน เจ้าเป็นผงคลีดิน และเจ้าจะกลับไปเป็นผงคลีดิน” 

    พระเจ้าทรงพูดกับอาดัมและได้ตรัสว่า เพราะเหตุจากความไม่เชื่อฟังของเขาพระเจ้าจึงทรงสาปแช่งแผ่นดิน  มนุษย์จะต้องทำงานหนักยิ่งขึ้น  ก่อนหน้านี้ไม่มีวัชพืชใด ๆ แต่เดี๋ยวนี้แผ่นดินกลับมีต้นไม้ที่มีหนามและผักที่มีหนามงอกขึ้น  ที่จริงแล้วสิ่งเลว ๆสารพัดทุกอย่างในโลกที่มีอยู่ทุกวันนี้ก็เกิดขึ้นเนื่องจากการไม่เชื่อฟังของมนุษย์ที่มีต่อ

พระเจ้านั่นเอง  เรากำลังดำเนินชีวิตอยู่ในโลกที่ยังต้องทนทุกข์จากคำสาปแช่งนั้น  เราต้องต่อสู้ดิ้นรนกับโรคภัยไข้เจ็บ ความเจ็บปวด ความอ่อนแอความเจ็บปวดขณะตั้งครรภ์และคลอดบุตร การทำงานหนัก วัชพืชสารพัดชนิด ความทุกข์ใจ ความเศร้าโศก และความตาย  ไม่มีข้อใดในสิ่งเหล่านี้ที่เคยปรากฏในโลกเลยก่อนที่อาดัมและเอวาจะไม่เชื่อฟังพระเจ้า  

ปฐมกาล 3:21   พระเยโฮวาห์พระเจ้าทรงทำเสื้อคลุมด้วยหนังสัตว์แก่อาดัมและภรรยาและสวมใส่ให้เขาทั้งสอง 

    พระเจ้าไม่ยอมรับเครื่องปกปิดซึ่งอาดัมกับเอวาได้ทำขึ้นมานั้น  พระองค์ได้สอนพวกเขาให้ทราบว่าพวกเขาไม่สามารถจะกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดเพื่อจะทำให้ตนเองเป็นที่พอพระทัยพระองค์ได้  ไม่มีสักคนเดียวสามารถจะทำให้ตนเองเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าด้วยสิ่งที่เขากระทำ  ทุกวันนี้มนุษย์พยายามหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อจะทำให้ตนเองเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าและ“ปกปิด”การไม่เชื่อฟังของตนเหมือนอย่างที่อาดัมกับเอวาได้กระทำมาแล้ว   มีบางคนที่คิดว่าถ้าเขาเคร่งศาสนาก็จะสามารถ“ปกปิด”ความผิดที่เขากระทำลงไปได้ แต่พระเจ้าจะไม่ยอมรับพวกเขาโดยสิ่งที่เขากระทำนั้น

ความตายฝ่ายร่างกายเป็นอันดับแรกนี้เป็นผลที่เกิดขึ้นจากการไม่เชื่อฟังของอาดัมและเอวา   ความตายของสัตว์ตัวนั้นได้เตือนสติให้อาดัมและเอวาตระหนักว่าพวกเขาสมควรจะตายเช่นกัน  พระเจ้าทรงฆ่าสัตว์ตัวหนึ่งและทรงใช้หนังของมันทำเครืองปกปิดที่ทรงยอมรับให้แก่อาดัมและเอวา    

อาดัมกับเอวาได้แสดงออกว่าพวกเขาเชื่อพระสัญญาของพระเจ้าเกี่ยวกับพระผู้ช่วยให้รอดพ้นเมื่อคนทั้งสองยอมรับเครื่องปกปิดเหล่านั้น  พวกเขาจะต้องเลิกล้มความคิดของตนเองเกี่ยวกับการทำตัวให้เป็นที่พอพระทัยพระเจ้าเหมือนอย่างที่พวกเขาต้องยอมถอดและโยนเครื่องปกปิดอันเดิมทิ้งไปเสีย  เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องจำไว้ว่า

พระเจ้าทรงนำเครื่องปกปิดมาสวมใส่ให้อาดัมกับเอวา พวกเขาไม่ได้นำเครื่องปกปิดมาสวมใส่ให้ตนเองเลย  

 ปฐมกาล 3:23-24   เหตุฉะนั้นพระเยโฮวาห์พระเจ้าจึงทรงให้เขาออกไปจากสวนเอเดน เพื่อทำไร่ไถนาจากที่เขกำเนิดมานั้น ดังนั้นพระองค์ทรงไล่มนุษย์ออกไป ทรงตั้งพวกเครูบไว้ทางทิศตะวันออกของสวนเอเดน และตั้งดาบเพลิงซึ่งหมุนได้รอบทิศทาง เพื่อป้องกันทางเข้าไปสู่ต้นไม้แห่งชีวิต

    การไม่เชื่อฟังนำมาซึ่งความตาย และความตายนำมาซึ่งการถูกแยกจากกัน  บัดนี้ทั้งสองคนได้ถูกแยกจาก

พระพักตร์พระเจ้า  หลายปีต่อมาอาดัมและ  เอวาก็ตายฝ่ายร่างกาย  จิตวิญญาณของเขาถูกแยกออกจากร่าง  เราทราบว่าพวกเขาไม่ได้ไปอยู่ในบึงไฟเพราะพวกเขาได้ยอมรับทางของพระเจ้าและเชื่อในพระสัญญาของพระองค์เกี่ยวกับ

พระผู้ช่วยให้รอดนั้น  ทุกวันนี้ทั้งอาดัมและเอวาจึงได้อยู่กับพระเจ้าในสวรรค์แล้ว

คำถามบทที่ 3

1. ซาตานบอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเอวากินผลไม้ต้องห้าม
    นั้น

ก) เขาจะตาย

ข) เขาจะไม่ตาย      

ค) ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

2. ซาตานอยากให้คุณเชื่อฟังพระเจ้าหรือไม่

ก) ใช่    

ข) ไม่ใช่

ค) ซาตานไม่สนใจ

3. ใครพูดความจริง

ก) พระเจ้า

ข) ซาตาน

ค) ทั้งสอง

4. อดัมและเอวาทำสามสิ่งใดต่อไปนี้เมื่อรู้ว่าตัวเองเปลือย
    กายอยู่ (เลือกสามข้อ)

        ก) พวกเขารู้สึกอับอายและอะอายใจ

        ข) พวกเขาซ่อนตัวหลบพระเจ้า

        ค) พวกเขาเอาใบมะเดื่อมาเย็บติดกันเพื่อปกปิดร่างกาย

        ง) พวกเขาขอให้พระเจ้าช่วยปกปิดร่างกายของพวกเขา

5. พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะทรงส่งใครมาช่วยมนุษย์ให้พ้น
    จากบาป

ก) โมฮัมเม็ด

ข) พระพุทธเจ้า  

ค) พระผู้ช่วยให้รอด

6. พระเจ้าทรงสาปแช่งหญิงว่าอย่างไร

     ก) ทรงสาปแช่งแผ่นดินและให้ทำงานหนักมากยิ่งขึ้น

     ข) ให้ต้องทำงานบ้าน

     ค) ให้มีความเจ็บปวดมากยิ่งขึ้นในขณะตั้งครรภ์และ
          คลอดลูก

7. พระเจ้าทรงสาปแช่งชายว่าอย่างไร

        ก) ทรงสาปแช่งแผ่นดินและให้ทำงานหนักมากยิ่งขึ้น

        ข) ให้ต้องดูแลและเป็นผู้นำครอบครัว

        ค) ให้มีความเจ็บปวดทางร่างกายมากยิ่งขึ้น